พรีเมียร์ลีกเกมสุดท้ายของเกมวีคที่ 13 ซึ่งเป็นเกมระดับ 5 ดาว เป็นการโคจรมาพบกันระหว่างทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล จ่าฝูงของตารางคะแนนเวลานี้ กับอดีตแชมป์ 4 สมัยติดต่อกันทีมเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ ที่แพ้ในลีกมา 3 เกมติด มาดู 5 กุญแจสำคัญที่จะตัดสินเกมของคู่นี้
การพบกันระหว่างลิเวอร์พูลและแมนฯซิตี้ มักเป็นเกมที่เจ้าบ้านได้เปรียบ โดยทีมเยือนสามารถเก็บชัยชนะได้เพียง 6 ครั้งจาก 54 นัดในพรีเมียร์ลีกที่พบกัน ซึ่งคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของการแข่งขันที่เล่นกันมากกว่า 30 ครั้งในลีก (11%) โดยเฉพาะการมาเยือนที่สนามแอนฟิลด์ ถือว่าเป็นความยากลำบากสำหรับลูกทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า พวกเขาชนะได้เพียงครั้งเดียวจาก 21 เกมในพรีเมียร์ลีกหลังสุดที่ไปเยือนลิเวอร์พูล เสมอ 7 และแพ้ไป 13 เกม ซึ่งชัยชนะนัดเดียวเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ด้วยสกอร์ 4-1 ในช่วงที่สนามไม่มีแฟนบอลเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งแมนฯซิตี้ยังไม่สามารถบุกมาเก็บ 3 แต้มที่แอนฟิลด์เมื่อมีแฟนบอลในสนามได้เลยตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2003 คืนนี้เหล่าเดอะ ค็อป คงสร้างบรรยากาศที่ทำให้งานของแมนฯซิตี้ ยากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่อทีมเยือนอยู่ในสภาพที่ขาดความมั่นใจและไร้ความดุดัน
แมนฯซิตี้ ในฤดูกาลนี้มีเกมรับที่ไม่เหนียวแน่นเหมือนเคย และไม่ใช่แค่จำนวนโอกาสที่พวกเขาปล่อยให้คู่แข่งสร้างขึ้น แต่ยังรวมถึงคุณภาพของโอกาสเหล่านั้นด้วย โดยมีเพียงอิปสวิช ทาวน์ 49 ครั้ง, เซาธ์แธมป์ตัน 44 ครั้ง , เลสเตอร์ ซิตี้ 44 ครั้ง และคริสตัล พาเลซ 38 ครั้ง เท่านั้นที่เผชิญกับโอกาสที่จะโดนทำประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้มากกว่าแมนฯซิตี้ 37 ครั้ง กล่าวง่ายๆคือ ทีมเรือใบสีฟ้า โอกาสจะเสียประตูสูงเป็นอันดับ 5 ของลีก ในขณะนี้อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่โรดรี้ได้รับบาดเจ็บในเกมพบอาร์เซน่อล เมื่อวันที่ 22 กันยายน ซิตี้กลายเป็นทีมที่เผชิญกับโอกาสทำประตูในพรีเมียร์ลีกมากที่สุด 30 ครั้งใน 7 เกม ซึ่งสวนทางกลับลิเวอร์พูล ที่เปิดโอกาสให้คู่แข่งมีโอกาสทำประตูและเปลี่ยนเป็นประตูต่ำที่สุดในพรีเมียร์ลีกเวลานี้
1 ในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทีมเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ ไม่ชนะใครเลยติดต่อกันเป็นเกมที่ 6 รวมทุกรายการ เกิดขึ้นเพราะปัญหานักเตะบาดเจ็บจำนวนมาก เช่นเดียวกับที่ทีมหงส์แดงเคยเจอในฤดูกาล 2020-21 แต่การอาจจะกลับมาของ รูเบน ดิอาซ น่าจะทำให้เกมรับของแมนฯซิตี้ ดีขึ้นและโอกาสแพ้ของพวกเขาน้อยลง เมื่อดูจากสถิติที่ทีมมีกับไม่มีรูเบน ดิอาซ ในพรีเมียร์ลีก ซิตี้ ลงสนามแบบมีรูเบน ดิอาซ 126 เกม ชนะ 96 เสมอ 19 แพ้ 11 เฉลี่ยเสียประตู 0.8 ลูกต่อเกม เปอร์เซนต์ชนะสูงถึง 76.2% เฉลี่ย 2.4 แต้มต่อเกม ในขณะที่ทีมไม่มีรูเบน ดิอาซ 36 เกม ชนะ 22 เสมอ 6 แพ้ 8 เสียประตูเฉลี่ย 1.1 ลูกต่อเกมเปอร์เซนต์ชนะลดลงเหลือ 61.1% เฉลี่ย 2 แต้มต่อเกม เชื่อกันว่าการกลับมายืนบัญชาการในเกมรับของรูเบน ดิอาซ น่าจะช่วยหยุดความร้อนแรงของทีมหงส์แดงได้
ในขณะนี้ ลิเวอร์พูล ดูเหมือนไม่มีจุดอ่อนมากนัก พวกเขาเสียเพียง 8 ประตูจาก 12 เกมในลีก และพ่ายแพ้เพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ ลิเวอร์พูลยังชนะถึง 17 จาก 19 เกมรวมทุกรายการภายใต้การคุมทีมของ อาร์เน่อ สล็อต กุนซือชาวดัตช์ หากจะมองหาจุดที่อาจเป็นความหวังสำหรับแมนฯซิตี้ บางทีอาจเป็นทางฝั่งซ้ายของลิเวอร์พูล เพราะแอนดี้ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายตัวเก่งไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีนัก และในสองเกมล่าสุด โรเบิร์ตสัน ก็ทำให้เสียจุดโทษทั้ง 2 เกม อาจทำให้แมนฯซิตี้ มองเห็นช่องโหว่ในการโจมตีฝั่งนี้ โดยเฉพาะพวกเขามี ซาวินโญ่ แนวรุกทีมชาติบราซิล ที่มีสถิติส่วนตัวดีมากๆ ในบรรดานักเตะที่ลงสนามในพรีเมียร์ลีกมากกว่า 500 นาทีในฤดูกาลนี้ ซาวินโญ่เป็นอันดับ 1 ในด้านการสร้างโอกาสจากโอเพ่นเพลย์ 2.7 ครั้งต่อ 90 นาที เป็นอันดับ 2 ในด้านค่า xA หรือแอสซิสต์คาดหวัง 0.44 ครั้งต่อ 90 นาที และอันดับ 3 ในด้านการเลี้ยงบอลสำเร็จ 3.4 ครั้งต่อ 90 นาที น่าจะเป็นความหวังของลูกทีม ของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในการโจมตีทำลายเกมรับของลิเวอร์พูล
เมื่อแมนฯซิตี้ เสีย โรดรี้ ที่บาดเจ็บและคาดว่าจะต้องพักทั้งฤดูกาล ซึ่งใน 10 เกมพรีเมียร์ลีกที่ไม่มี โรดรี้ ซิตี้ปล่อยให้คู่แข่งมีโอกาสยิง 17 ครั้งจากจังหวะโต้กลับเร็ว เมื่อเทียบกับ 10 เกมล่าสุดที่โรดรี้ลงสนาม ซิตี้ปล่อยให้คู่แข่งยิงเพียง 7 ครั้งจากจังหวะดังกล่าว และมีเพียง 3 ทีมอย่าง เวสต์แฮม, ไบรท์ตัน, คริสตัล พาเลซ เท่านั้น ที่ปล่อยให้คู่แข่งมีโอกาสยิงจากจังหวะโต้กลับมากกว่าแมนฯซิตี้ 14 ครั้ง และมีเพียงแอสตัน วิลล่าและไบรท์ตัน ทีมละ 4 ครั้ง ที่เสียประตูจากจังหวะโต้กลับมากกว่าทีมเรือใบสีฟ้าในฤดูกาลนี้ที่เสียไป 3 ครั้ง ปัญหานี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในเกมที่พวกเขาพ่ายแพ้ยับเยินต่อสเปอร์สเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และในวันอาทิตย์นี้ ลิเวอร์พูลอาจเป็นทีมที่เพิ่มปัญหานี้ให้กับซิตี้อีก โดยทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่มีโอกาสยิงจากจังหวะโต้กลับเร็วมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ 20 ครั้ง เปลี่ยนเป็น 5 ประตู เป็นอันดับ 2 รองจากสเปอร์สทีมเดียวที่ทำได้ 9 ประตู ดังนั้น ซิตี้จำเป็นต้องหาวิธีหยุดเกมโต้กลับของลิเวอร์พูลให้ได้ที่แอนฟิลด์
ที่มา : https://theanalyst.com/2024/11/liverpool-vs-man-city-five-key-areas-that-could-decide-the-game