แม้ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล จะพลิกล็อกแพ้ พลีมัธ ตกรอบ 4 ในศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ หมดโอกาสลุ้นถึง 4 แชมป์ในฤดูกาลนี้ แต่ถ้ามามองถึงเกมลีก หงส์แดง ยังคงนำเป็นจ่าฝูงในศึกพรีเมียร์ลีก และด้วยฟอร์มของทีมลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ อาร์เน่อ สล็อต ถือว่าร้อนแรงและหาทีมหยุดได้ยากมาก โอกาสจะเป็นแชมป์ลีกสมัยที่ 20 ค่อนข้างสูง
แม้จะตกรอบเอฟเอ คัพ แบบเหนือความคาดหมาย แต่เกมนัดต่อไปของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล จะทำศึกเมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้ กับเพื่อนร่วมเมือง เอฟเวอร์ตัน ซึ่งเกมนี้เป็นเกมตกค้างที่โดนโยกมาลงในกลางสัปดาห์นี้ ถ้าทีมหงส์แดง บุกมาชนะเอฟเวอร์ตัน ถึงถิ่นกูดิสัน พาร์ค ได้ พวกเขาจะขยับทำแต้มทิ้งห่างทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล เป็น 9 คะแนน
ด้าน พอล เมอร์สัน ตำนานของทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ที่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นคอมเมนเตเตอร์ ให้สัมภาษณ์กับ Metro Sport ถึงโอกาสการคว้าแชมป์ของลิเวอร์พูลว่า “หาก ลิเวอร์พูล ชนะ เอฟเวอร์ตัน พวกเขาจะนำ 9 แต้ม โดยเหลืออีก 14 เกม ซึ่งหมายความว่าพวกเขาต้องแพ้ถึง 4 นัด ซึ่งผมคิดว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ สำหรับผมทุกอย่างขึ้นอยู่กับเกมวันพุธนี้” เมอร์สัน ส่งสารชัดเจนว่า ลิเวอร์พูล มีโอกาสทองในการยึดความได้เปรียบ หากพวกเขาทำผลงานได้ที่กูดิสัน พาร์ค การแข่งขันลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอาจจบเร็วกว่าที่หลายคนคาดคิด
แม้ตารางแข่งขันที่แน่นขนัดจะเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับขุมกำลังของทีมหงส์แดง แต่ชัยชนะเหนือเอฟเวอร์ตันอาจทำให้การคว้าแชมป์ลีกแทบจะการันตีได้เลย ซึ่ง ลิเวอร์พูล กำลังลุ้นคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษสมัยที่ 20 ซึ่งจะทำให้พวกเขาทาบสถิติของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สำหรับ อาร์เน่ สล็อต หากเขาพา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ได้ในฤดูกาลแรกของเขา ก็จะเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมหลังเข้ามารับงานต่อจาก เจอร์เก้น คล็อปป์
ที่มา: https://www.sportingnews.com/uk/football/liverpool/news/arsenal-legend-prediction-liverpool-premier-league-title-race/b12aad29436ca8e247826e04
ทัพสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ของกุนซือ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ชาวอิตาเลี่ยน กระเด็นตกรอบ 4 ศึกฟุตบอลที่เก่าแก่ที่สุดในโลก อย่าง เอฟเอ คัพ หลังบุกไปแพ้ไบรท์ตัน 1-2 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังเกม เอ็นโซ่ มาเรสก้า จึงถูกถามถึงการปล่อย เชา เฟลิกซ์ ให้ เอซี มิลาน ยืมตัว
เชา เฟลิกซ์ ย้ายไปร่วมทัพปีศาจแดงดำ เอซี มิลาน ด้วยสัญญายืมตัวจนจบฤดูกาลในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคม และทำประตูได้ในการประเดิมสนามให้กับยักษ์ใหญ่ของอิตาลีที่เอาชนะ โรม่า 3-1 ในศึก โคปปา อิตาเลีย และเขายังได้ลงสนามเป็นตัวจริง มีส่วนร่วมในเกมที่ทีมปีศาจแดงดำ เอาชนะ เอ็มโปลี เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในขณะที่แนวรุกวัย 25 ปี ชาวโปรตุกีส กำลังเริ่มต้นได้สวยกับต้นสังกัดใหม่ ขณะที่ เชลซี ต้องตกรอบ เอฟเอ คัพในรอบที่ 4 แม้ว่าทีมสิงห์บลูส์ จะตกรอบไวในรายการนี้ แต่ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ก็ยืนกรานว่าการปล่อย เชา เฟลิกซ์ ให้ เอซี มิลาน ยืมตัวเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว
โดย เอ็นโซ่ มาเรสก้า เผยความรู้สึกกับผู้สื่อข่าวว่า “ผมไม่คิดว่าเราจะคิดถึง เชา นะ เชา มีความสุขที่นั่น และเราก็มีความสุขที่ เชา มีความสุขที่นั่นเช่นกัน” มาเรสก้า ยังบอกอีกว่าพวกเขากำลังจะได้ นิโคลัส แจ็คสัน หายเจ็บกลับมา “เรามีปัญหาอาการบาดเจ็บของกองหน้า 2 คนในวันเดดไลน์ มันเป็นการตัดสินใจที่ยาก แต่ นิโค จะกลับมาได้ในเร็วๆ นี้ บางครั้งผมคิดว่าคุณต้องลงสนามบางเกมโดยไม่มีนักเตะเหล่านี้เพื่อตระหนักว่าพวกเขามีความสำคัญแค่ไหน ในยามที่ไม่มีบอล การเพรสซิ่งของเขา นิโคลัส แจ็คสัน ก็ดีมากเสมอ และเมื่อได้บอล เขาก็คุกคามคู่ต่อสู้ได้อยู่เสมอเช่นกัน”
เชา เฟลิกซ์ ได้กลับมาร่วมทีม เชลซี อีกครั้งเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่แล้วจาก แอตเลติโก้ มาดริด ด้วยค่าตัว 46 ล้านปอนด์ หลังจากเคยย้ายมาแบบยืมตัวในช่วงสั้นๆ ในปี 2023 แข้งโปรตุกีสรายนี้ลงเล่นใน คอนเฟอเรนซ์ ลีก เป็นส่วนใหญ่และได้ลงเล่นเป็นตัวจริงใน พรีเมียร์ลีก เพียง 3 นัด ยิงได้ 7 ประตูจากการลงสนาม 20 นัดในทุกรายการ
ที่มา: https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-14376707/Enzo-Maresca-sends-brutal-parting-shot-Joao-Felix-deadline-day-Chelsea-departure-AC-Milan.html
นอกจากตกรอบฟุตบอลถ้วยอีก 1 รายการ สำหรับทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ที่แพ้ นิวคาสเซิ่ล ในรอบรองชนะเลิศ ศึกคาราบาว คัพ แล้วพวกเขายังได้รับข่าวร้าย เมื่อจะหมดสิทธิ์ใช้งาน กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ แนวรุกชาวบราซิเลี่ยน ที่ได้รับบาดเจ็บในเกมดังกล่าว
ล่าสุด The Athletic รายงานว่า ทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล จะหมดสิทธิ์ใช้งาน กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ แนวรุกวัย 23 ปี ทีมชาติบราซิล อย่างน้อย 1 เดือน จากอาการบาดเจ็บที่เอ็นหลังหัวเข่า หรือ แฮมสตริง ซึ่งได้รับบาดเจ็บมาจากนัดแพ้ นิวคาสเซิ่ล เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
ซึ่งรายงานเบื้องต้นของ The Athletic คาดว่า อาร์เซน่อล จะไม่มีแนวรุกวัย 23 ปีรายนี้มากกว่าหนึ่งเดือน ซึ่งหมายความว่าเขาจะพลาดเกมพรีเมียร์ลีก นัดพบ เลสเตอร์ ซิตี้ , เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และนอตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในเดือนกุมภาพันธ์ นอกจากนี้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ อาจจะไม่พร้อมในเกมเยือนแมนฯยูไนเต็ด และเกมเปิดบ้านพบกับ เชลซี ในช่วงต้นเดือนมีนาคมอีกด้วย
ถือเป็นข่าวร้ายสำหรับ มิเกล อาร์เตต้า กุนซือใหญ่ของทัพปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ซึ่งพวกเขากลับมาเป็นผู้ท้าชิงเบอร์ 1 ของลิเวอร์พูล ที่มีแววพอจะต่อสู้เพื่อลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกกับทีมหงส์แดง เพราะก่อนหน้านี้ทีมเพิ่งเสีย กาเบรียล เชซุส ที่พักยาวจากอาการบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้า หรือ ACL ตั้งแต่เดือนมกราคม ขณะที่ บูกาโย่ ซาก้า คาดว่าจะกลับมาได้ในเดือนมีนาคม หลังเข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการบาดเจ็บแฮมสตริง ซึ่งในฤดูกาลนี้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ลงเล่นไปแล้ว 35 นัด รวมทุกรายการ ยิงไป 7 ประตู กับ 3 แอสซิสต์
ที่มา : https://www.nytimes.com/athletic/6122150/2025/02/07/arsenal-martinelli-hamstring-injury-update/
The Athletic สื่อที่น่าเชื่อถือได้ในระดับสูง ออกมารายงานข่าวว่า วินิซิอุส จูเนียร์ แนวรุกทีมชาติบราซิล ของทีมราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ได้ตกลงตัดสินใจปฏิเสธข้อเสนอต่อสัญญาฉบับแรก ที่ทีมราชันชุดขาว ยื่นให้พิจารณาเรียบร้อยแล้ว
มาริโอ คอร์เตกาน่า ผู้สื่อข่าวของ The Athletic รายงานว่า ทีมราชันชุดขาว เรอัล มาดริด พยายามยื่นข้อเสนอแรกให้แนวรุกชาวบราซิเลี่ยน ในวัย 24 ปี พิจารณา แต่ถูกทีมงานเอเยนต์ส่วนตัวของ วินิซิอุส ปฎิเสธไปแล้วแบบทันควัน ซึ่งสัญญาฉบับปัจจุบันของ วินิซิอุส จะหมดในปี 2027 มีค่าฉีก 1 พันล้านยูโร โดยเขารับค่าเหนื่อยราว 15 ล้านยูโรต่อปี ซึ่งรวมโบนัสต่างๆ เข้าไปแล้ว
การเคลื่อนไหวของบอร์ดบริหารของทีมราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ครั้งนี้ เกิดจากดาวเตะวัย 24 ปี จะหมดสัญญาในปี 2027 และที่ผ่านมาเขาตกเป็นข่าวได้รับความสนใจจากซาอุดิอาระเบีย ที่พร้อมทุ่มเงินมหาศาลดึงตัวไปร่วมทีม โดยเฉพาะการทุ่มค่าเหนื่อย เพื่อเป็นตัวล่อให้ วินิซิอุส ตกลงย้ายไปค้าแข้งในตะวันออกกลาง ทำให้พวกเขา ขอประชุมกับตัวแทนของ วินิซิอุส เมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา เพื่อเจรจาเรื่องสัญญาและการเพิ่มค่าเหนื่อยให้แม้ข้อเสนอแรกถูกปฏิเสธไป แต่การเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่ายเพื่อหาข้อตกลงในการต่อสัญญาดาวเตะทีมชาติบราซิล ยังจะดำเนินต่อไป
นับตั้งแต่ วินิซิอุส จูเนียร์ ย้ายจาก ฟลาเมงโก้ มาร่วมทีมราชันชุดขาว เมื่อปี 2018 เขาก็สถาปนาตัวเองกลายเป็นตัวหลัก ลงเล่น 293 นัด ให้ เรอัล มาดริด รวมทุกรายการพร้อมทำไป 101 ประตูกับอีก 83 แอสซิสต์ เป็นตัวหลักพาทีมคว้าแชมป์ลาลีกา 3 สมัย , ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2 สมัย และแชมป์สโมสรโลก อีก 2 สมัย และล่าสุดการมาของ คิเลี่ยน เอ็มบัปเป้ ที่ตำแหน่งทับกับ วินิซิอุส คาร์โล อันเชลอตติ ยังต้องโยก เอ็มบัปเป้ ไปเล่นตัวรุกในตำแหน่งอื่น โดยผลงานในฤดูกาลนี้ของ วินิซิอุส ยิงไป 16 ประตูจากการลงเล่น 28 เกมรวมทุกรายการ และแอสซิสต์ ไปอีก 10 ครั้ง
ที่มา : https://www.nytimes.com/athletic/6121543/2025/02/07/real-madrid-vinicius-jr-contract-new-talks/
ลิซานโดร มาร์ติเนซ กองหลังทีมชาติอาร์เจนติน่า ของทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด โชคร้ายได้รับบาดเจ็บในเกมที่ทีมเปิดบ้านแพ้ให้กับคริสตัล พาเลซ 0-2 โดย ลิซานโดร มาร์ติเนซ ถูกหามออกจากสนามด้วยน้ำตาหลังจากปะทะกับ อิสไมล่า ซาร์ ปีกของคริสตัล พาเลซ ในนาทีที่ 82 และทำให้เขาหมดสิทธิ์ลงเล่นตลอดช่วงที่เหลือของฤดูกาล
แมนฯยูไนเต็ด ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการถึงอาการบาดเจ็บของกองหลังวัย 27 ปี ว่า “แมนฯยูไนเต็ด ขอยืนยันว่า ลิซานโดร มาร์ติเนซ ได้รับบาดเจ็บที่เอ็นไขว้หน้า ACL ในเกมเมื่อวันอาทิตย์ที่พบกับ คริสตัล พาเลซ ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการประเมินอาการบาดเจ็บเพื่อกำหนดแนวทางการรักษาที่เหมาะสมและระยะเวลาสำหรับการฟื้นตัว”
ในแถลงการณ์ของทีมปีศาจแดง ยังขอส่งกำลังใจให้ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ด้วย “ทุกคนที่ แมนฯยูไนเต็ด ขอส่งกำลังใจให้ ลิซานโดร มาร์ติเนซ มีความเข้มแข็งและฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์ เราจะคอยสนับสนุนเขาในทุกขั้นตอนของการรักษา”
การขาดหายไปของ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ถือเป็นความสูญเสียครั้งสำคัญของทีมแมนฯยูไนเต็ด ในขณะที่ รูเบน อโมริม กุนซือชาวโปรตุกีส กำลังพยายามพลิกสถานการณ์ของทีม ซึ่งตอนนี้รั้งอันดับที่ 13 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก หลังจากแพ้ให้กับ คริสตัล พาเลซ ซึ่งนับเป็นความพ่ายแพ้ในบ้านนัดที่ 7 จาก 13 เกมในฤดูกาลนี้ “ลิช่า สำคัญกับเรามาก ไม่ใช่แค่ในฐานะนักเตะ แต่รวมถึงคาแรกเตอร์ของเขาด้วย โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนี้ ตอนนี้เป็นเวลาที่เราต้องช่วยลิช่า” รูเบน อโมริม กล่าวหลังจบเกมกับพาเลซ
ลิซานโดร มาร์ติเนซ เป็นนักเตะคนที่ 10 ในพรีเมียร์ลีก ที่ได้รับบาดเจ็บ ACL หรือ ที่เอ็นไขว้หน้าหัวเข่า ในฤดูกาลนี้ จากผู้เล่น 10 คนที่ได้รับบาดเจ็บ ACL ในฤดูกาลนี้ มีถึง 7 คนที่บาดเจ็บในปี 2025 โดยมี 5 คนที่เจ็บในเดือนมกราคม ครั้งล่าสุดที่มีนักเตะบาดเจ็บ ACL เป็นตัวเลขสองหลักในฤดูกาลเดียวกัน คือในฤดูกาล 2016-17 ซึ่งมีนักเตะได้รับบาดเจ็บ ACL ถึง 12 คน
ที่มา: https://www.bbc.com/sport/football/articles/c4gx7w58gv2o
มาร์คัส แรชฟอร์ด ย้ายมาร่วมทีม แอสตัน วิลล่า ด้วยสัญญายืมตัวจนจบฤดูกาล ก่อนเส้นตายตลาดซื้อขายเดือนมกราคมปิดลง พร้อมออปชั่นในการซื้อแนวรุกรายนี้จาก แมนฯยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 40 ล้านปอนด์ในช่วงซัมเมอร์นี้ ล่าสุด อลัน เชียเรอร์ ตำนานศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษ ออกมาเตือนแนวรุกรุ่นลูกร่วมชาติ ว่านี่คือ โอกาสสุดท้ายของ มาร์คัส แรชฟอร์ด
มาร์คัส แรชฟอร์ด ไม่ได้ลงเล่นให้กับ แมนฯยูไนเต็ด เลยตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา หลังแสดงความไม่เป็นมืออาชีพให้ รูเบน อโมริม กุนซือใหญ่ของทัพปีศาจแดงเห็น โดยกุนซือชาวโปรตุกีส เคยเผยว่าเขายอมใส่ชื่อโค้ชผู้รักษาประตูวัย 63 ปีของเขา ลงในม้านั่งสำรองดีกว่าใส่ชื่อนักเตะที่ไม่ทุ่มเทเพื่อสโมสร ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าปัญหาของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ไม่ใช่ที่ฝีเท้าแต่คือทัศนคติที่เปลี่ยนไปของเจ้าตัว
ล่าสุด อลัน เชียเรอร์ ให้สัมภาษณ์กับ Betfair ถึงประเด็นของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ว่า “การที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ออกจาก แมนฯยูไนเต็ด ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย ผมรู้ว่ามันเป็นแค่การยืมตัว แต่ตอนนี้เขามีโอกาสที่จะเริ่มต้นอาชีพใหม่แล้ว เพราะเขาห่างไกลจากการตกเป็นเป้าหมายแล้ว และผู้จัดการทีมบางคนก็วิจารณ์เขา พวกเขาบอกว่าเขามีทัศนคติที่ผิด ดังนั้นตอนนี้เขาจึงมีโอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง”
อดีตศูนย์หน้าตำนานทีมชาติอังกฤษ ยังบอกต่อว่า “เขาต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เพราะไม่มีข้อสงสัยเลยว่าเขามีพรสวรรค์ แต่พรสวรรค์นั้นถูกปล่อยทิ้งไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และอาชีพนักฟุตบอลมันสั้น ดังนั้นการปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์จึงเป็นเรื่องแย่มาก ตอนนี้เขาได้เริ่มต้นใหม่แล้ว เราต้องการเห็นพลังงาน ความรัก และทุกสิ่งทุกอย่าง ที่พวกเราเคยเห็น ในครั้งเมื่อเขายิงได้ถึง 30 ประตู”
อลัน เชียเรอร์ ทิ้งท้ายว่า “ผมไม่แน่ใจว่าจะจัดว่าเป็นความสำเร็จได้หรือไม่ แต่สิ่งสำคัญคือ แรชฟอร์ด ต้องกลับไปเป็นเหมือนเดิม เขาต้องกลับไปแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเขายังคงรักฟุตบอล และเขาต้องการเป็นส่วนหนึ่งของทีม แอสตัน วิลล่า ที่ประสบความสำเร็จ อูไน เอเมรี่ จะไม่รอคอยอย่างแน่นอน ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสสุดท้ายของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็นว่า เขายังรักและต้องการอยู่ในวงการฟุตบอล”
เรียกว่ากลับมาเป็นกระแสอีกครั้งสำหรับซูเปอร์สตาร์ลูกหนังโลก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ศูนย์หน้าของทีมอัล นาสเซอร์ จากซาอุดิ โปรลีก หลังเจ้าตัวออกมาบอกว่า เขาคือ GOAT ของวงการฟุตบอล หรือ เป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล
ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังโลก ให้สัมภาษณ์กับ El Chiringuito สื่อดังของสเปน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เชื่อว่า เขาไม่เคยเห็นผู้เล่นคนไหนที่มีความเก่งกาจมากกว่าตัวเองมาก่อนเลยในชีวิตนี้ โดย สตาร์วัย 40 ปีตอบว่า เรื่องรสนิยมเป็นอีกอย่างหนึ่ง หากคุณชอบ ลิโอเนล เมสซี่ , เปเล่ , มาราโดน่า ผมเข้าใจและเคารพในเรื่องนั้น แต่ถ้าคุณบอกว่า โรนัลโด้ ไม่สมบูรณ์แบบ ผมขอยืนยันว่าผมคือนักเตะที่สมบูรณ์แบบที่สุด ผมไม่เคยเห็นใครที่ดีกว่าผม และผมพูดสิ่งนี้จากใจจริง
โดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ให้เหตุผลประกอบคำพูดง่ายๆ ว่า “ใครคือนักเตะที่ยิงประตูได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์? มันเกี่ยวกับตัวเลข แค่นั้น ใครคือนักเตะที่ทำประตูด้วยลูกโหม่ง , เท้าซ้าย , จุดโทษ , ฟรีคิก ได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์? ผมลองเช็กดูเมื่อวันก่อน แม้ว่าผมจะไม่ได้ถนัดเท้าซ้าย แต่ผมก็ยังติดท็อป 10 นักเตะที่ทำประตูด้วยเท้าซ้ายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ และยังเป็นหนึ่งในผู้ทำประตูสูงสุดจากลูกโหม่ง, เท้าขวา และลูกจุดโทษด้วย ผมพูดถึงสถิติ ผมคิดว่าผมคือนักเตะที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่เคยมีมา ในมุมมองของผม ผมคือที่สุด ผมทำทุกอย่างได้ดีในฟุตบอล ทั้ง ลูกโหม่ง , ฟรีคิก , เท้าซ้าย ผมเร็ว ผมแข็งแกร่ง”
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์ทีมชาติโปรตุเกส ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการแข่งขันระหว่างเขากับ ลิโอเนล เมสซี่ ซึ่งดำเนินมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในช่วงที่ทั้งสองค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลนา ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่องตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันในวัย 40 ปี ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เขายิงไปแล้ว 917 ประตู ทั้งในนามสโมสรและทีมชาติ ซึ่งมีลุ้นเป็นนักฟุตบอลคนแรกของโลกที่ยิงได้ถึง 1,000 ประตูคนแรก จากการบันทึกอย่างเป็นทางการ
โดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พูดถึงสถิติ 1,000 ประตูของเขาว่า “ไม่ว่าผมจะจบด้วยการยิง 920 925 ประตู... มันก็ไม่สำคัญสำหรับผมอีกแล้ว ผมคือคนที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ ในยุคสมัย หากผมยิงไปถึง 1,000 ประตู มันก็ยอดเลย หากไม่ถึงผมก็โอเคเหมือนกัน ตัวเลขไม่เคยโกหกหรอกนะ”
พอล ป็อกบา อดีตกองกลางทีมม้าลาย ยูเวนตุส กำลังอยู่ในช่วงรอให้พ้นโทษแบนเพื่อที่จะกลับมาลงสนามได้ในช่วงเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งปัจจุบันเขาสามารถพูดคุยและเซ็นสัญญากับทีมไหนก็ได้ ภายหลังยกเลิกสัญญากับ ยูเวนตุส อดีตต้นสังกัดล่าสุด ไปเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
และ 2 วันที่ผ่านมา พอล ป็อกบา อัพ IG Story ส่วนตัว เป็นรูปการ์ตูนที่เป็นภาพของ อาหมัด ดิยัลโล่ กับตัวเขาเองในสีเสื้อ แมนยูไนเต็ด ลงบน โดยใส่อีโมจิรูปหัวเราะด้วย จากนั้นก็โพสต์ภาพยืนดูวิวพร้อมกับข้อความที่บอกว่า “มาดูกันดีกว่าว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น” ซึ่งคอมเมนต์แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย บางคนบอกว่าวิวที่ ป็อกบา ดูอยู่เป็นสถานที่ภายในเทศมณฑลเกรทเตอร์ แมนเชสเตอร์ แต่บางคนบอกว่ามันอยู่ในเมืองไมอามี่ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ด้าน หลุยซ์ ซาฮา อดีตกองหน้าทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด และเป็นรุ่นพี่ร่วมชาติของ พอล ป็อกบา ให้สัมภาษณ์กับ Goal.com ถึงประเด็นของรุ่นน้องกับอดีตต้นสังกัดของทั้งคู่ ว่าเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด ซาฮา ก็ตอบว่า “ถ้าพอล ป็อกบา พร้อมลงเล่น เชื่อเถอะว่าผมอยากเห็นเขากลับมาอยู่กับ แมนฯยูไนเต็ด ในตอนนี้ เมื่อเขาฟิตและท็อปฟอร์ม เขาสามารถเข้ามาอยู่ในทีมและกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดได้อย่างรวดเร็ว
หลุยซ์ ซาฮา ยังบอกเพิ่มเติ่มว่า “มีนักเตะเพียงไม่กี่คนที่ทำให้ผมตื่นเต้นได้ อาหมัดทำให้ผมตื่นเต้น เนย์มาร์ทำให้ผมตื่นเต้น พอล ป็อกบา ก็ทำให้ผมตื่นเต้น มีนักเตะเพียงไม่กี่คนในโลกที่สามารถทำในสิ่งที่ป็อกบาทำได้ ง่ายๆ แค่นั้นเอง และนั่นคือเหตุผลที่ผมอยากให้เขากลับมาเขียนบทใหม่กับแมนฯยูไนเต็ดอีกครั้ง”
ที่มา: https://www.goal.com/en/lists/man-utd-urged-to-bring-paul-pogba-back-third-spell-unemployed-midfielder-same-bracket-neymar-fulham-transfer-also-mooted/blt5e9da57903ee2ec2
สหพันธ์ฟุตบอลเยอรมนี หรือ เดเอฟเบ เตรียมนำร่องทดลองให้ผู้ตัดสินในสนาม อธิบายคำตัดสินของ VAR ให้แฟนๆ ในสนามได้รับฟังผ่านไมโครโฟน โดยจะเริ่มต้นตั้งแต่วันเสาร์นี้เป็นต้นไป ซึ่งเกมแรกจะเริ่มใช้ในศึกบุนเดสลีกา 2 ที่ ฟออร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ จะเปิดบ้านพบ เอสเอสวี อูล์ม วันเสาร์นี้
ซึ่งมี 9 สโมสรที่เป็นอาสาสมัครโครงการนำร่อง ทดลองให้ผู้ตัดสินในสนาม อธิบายคำตัดสินของ VAR ให้แฟนๆได้รับรู้ร่วมกัน โดยในสุดสัปดาห์นี้ จะมีการประกาศผลตัดสิน VAR ใน 5 สนามที่แข่งขัน โดย ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ ที่จะพบ เอสเอสวี อูล์ม วันเสาร์นี้ คือแมตช์แรกในเยอรมันที่จะเริ่มใช้โปรเจ็คต์นี้ ก่อนตามมาด้วยเกมในบ้านของบาเยิร์น มิวนิค , ซังต์ เพาลี , เลเวอร์คูเซ่น , แฟรงค์เฟิร์ต , โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, ไฟร์บวร์ก, แอร์เบ ไลป์ซิก และกรอยเตอร์ เฟือร์ธ
โดยจุดประสงค์ของ สหพันธ์ฟุตบอลเยอรมัน หรือ เดเอฟเบ ที่กำลังจะเริ่มให้ผู้ตัดสินในสนามอธิบายคำตัดสินของ VAR ดังกล่าวมีเป้าหมายเพิ่มความโปร่งใสในการตัดสินของผู้ตัดสิน เพื่อลดคำครหา ซึ่งการอธิบายคำตัดสิน VAR ของบุนเดสลีกา ไม่ใช่ลีกแรกที่เริ่มนำมาใช้ โดยก่อนหน้านี้ ศึก คาราบาว คัพ เคยนำมาใช้ในรอบรองชนะเลิศ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาแล้ว
ที่มา: https://www.pptvhd36.com/sport/news/241574
ยังคงเป็นประเด็นอย่างต่อเนื่องสำหรับการบริหารงานของ FSG หรือกลุ่มเฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป เจ้าของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ที่ถูกเหล่าเดอะ ค็อป โจมตี และวิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจากพวกเขารู้สึกว่า FSG ไร้ความทะเยอทะยาน และไม่ยอมทุ่มทุนเพื่อเสริมทัพและสัญญาฉบับใหม่ของ 3 แข้งตัวหลักของทีมยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ
จอห์น บาร์นส์ ตำนานของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ออกมาสวนกระแสเหล่าเดอะ ค็อป ในงานแฟนอีเวนต์ของ LiveScore ที่เมืองลิเวอร์พูลเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ผมคิดว่าในทุกวันนี้ผู้คนคิดว่าทางออกคือการทุ่มเงินลงไป ลองไปดูเงินที่เชลซี และแมนฯยูไนเต็ด ทุ่มลงไปสิ แล้วพวกเขาทำอะไรสำเร็จบ้าง? มันไม่ใช่แค่การทุ่มเงิน มันเป็นเรื่องของการหานักเตะที่ใช่ ปัญหาคือผู้คนกำลังทำมันหมือนเป็นธุรกิจ และมีคนที่บอกว่านายควรจำกัดนักเตะบางคนทิ้งไป แต่พวกเขาไม่ได้ย้ายออกไป ดังนั้นหากคุณจ่ายเงินลงไปก็จะลงเอยด้วยการมีนักเตะมากมาย ซึ่งนั่นไม่ใช่หนทางแก้ไขปัญหา
จอห์น บาร์นส์ ยังบอกต่อว่า ปัญหาทั้งหมด ปัญหาอะไรล่ะ? เราอยู่จ่าฝูงลีกและกำลังไปได้สวยในยุโรป แล้วทำไมเราต้องใช้เงิน? ถ้าคุณเสียผู้เล่นไป ก็ใช่ แต่ถ้าคุณยังไม่ได้ผู้เล่นที่สามารถพัฒนาทีมได้ แล้วจะมีประโยชน์อะไรในการเซ็นสัญญาผู้เล่นในเดือนมกราคม ถ้าคุณไม่ได้ผู้เล่นที่ดีกว่า โดยเฉพาะสำหรับลิเวอร์พูลที่เป็นสโมสรใหญ่ แล้วจะเซ็นสัญญาผู้เล่นไปทำไมเพียงเพราะแค่ต้องการเซ็น? เรามีผู้เล่นเพียงพออยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาก็ไม่ได้ถูกใช้งานอยู่ดี ผมคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องเซ็นสัญญาใครเลย ยกเว้นกรณีที่เราสูญเสียใครบางคนไป
ที่มา: https://www.liverpool.com/liverpool-fc-news/features/john-barnes-defends-fsg-spending-30867525