โค้งสุดท้ายของการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก เรียกได้ว่าเข้มข้นสุดๆ 3 ทีมลุ้นแชมป์ อย่าง อาร์เซน่อล,แมนฯซิตี้ และลิเวอร์พูล ต่างสลับกันขึ้นน่าฝูง และยังมีลุ้นอยู่ทั้ง 3 ทีมจนถึงนัดสุดท้าย ทีมไหนเพลี้ยงพล่ำ พลาดท่า อาจจะหลุดวงโคจร ในทันที แต่ถ้าพูดถึงนักเตะที่มีส่วนช่วยให้ทีมยกระดับขึ้นจากดีอยู่แล้วให้ทีมดีกว่าเดิม 1 ในนั้น หนีไม่พ้น เดแคลน ไรซ์ ที่ย้ายมาร่วมทีมอาร์เซน่อล นั้นเอง
เดแคลน ไรซ์ เป็นข้อพิสูจน์ว่า ไม่สำคัญว่าคุณจะจ่ายไปมากเท่าไหร่ หากประสบความสำเร็จเงินที่จ่ายไปยังไงก็ถือว่าคุ้มค่า โดย เดแคลน ไรซ์ ย้ายจากทีมขุนค้อน เวสต์แฮม มาอยู่กับทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ด้วยค่าตัว 100 ล้านปอนด์ บวกแอดออนอีก 5 ล้านปอนด์ ทำสถิติเป็นผู้เล่นที่มีค่าตัวแพงที่สุดเป็นอับดับ 7 ของวงการลูกหนังโลกตลอดกาล และในพรีเมียร์ลีก เดแคลน ไรซ์ ค่าตัวเป็นรองเพียงแค่ เอ็นโซ เฟอร์นันเดซ ของเชลซี ที่ 107 ล้านปอนด์ คนเดียวเท่านั้น
ค่าธรรมเนียมการย้ายตัวที่สูงมากจนเกินไป เป็นดาบ 2 คม 1 ชื่นชมในความยอดเยี่ยมและได้นักเตะที่หมายตา กับ 2 ความกดดันที่ถาโถมเข้ามา นักเตะอย่างเฟร์นานโด ตอร์เรส ที่ยิงกระจายให้ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล แต่พอย้ายไปเชลซี ด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ ต้องเจอกับความยากลำบากทั้งความคาดหวังของแฟนบอลสิงห์บูล และความกดดันจากผลงาน ก็ไม่ประสบความสำเร็จเชลซี รวมไปถึงพอล ป็อกบา ที่ย้ายกลับมาบ้านเกิดอย่างทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด อีกครั้ง ด้วยค่าตัว สูงถึง 86 ล้านปอนด์ ก็เล่นได้ไม่คุ้มกับที่จ่ายไป รวมถึงพฤติกรรมนอกสนาม ก็ยิ่งส่งผลทำให้เจ้าตัวล้มเหลวกับแมนฯ ยูไนเต็ด
เดแคลน ไรซ์ เข้ามาช่วยเปลี่ยนแปลงอาร์เซน่อล ด้วยความสามารถรอบด้านของเขา ที่นอกเหนือไปจากหน้าที่ของกองกลางตัวรับ เดแคลน ไรซ์ พลาดโอกาสลงสนามเพียงเกมเดียวในพรีเมียร์ลีก ยิงได้ถึง 6 ประตู และแอสซิสต์ไปให้เพื่อนถึง 7 ครั้ง เรียกได้ว่าครบเครื่องจริงๆ ดูจาก Heat map ในภาพประกอบจะเห็นได้ว่า เดแคลน ไรซ์ เคลื่อนที่ไปทั่วสนามเพื่อสนับสนุนทั้งเกมรับและเกมรุกของอาร์เซน่อล
แม้ว่าตำแหน่งที่คนส่วนใหญ่จะมองว่า เดแคลน ไรซ์ เป็นนักเตะหมายเลข 6 หรือมิดฟิลด์ตัวรับ แต่สไตล์การครองบอลและการเคลื่อนเกม ไรซ์ เป็นมากกว่านั้น เมื่อมิเกล อาร์เตต้า จับมิดฟิลด์ทีมชาติอิตาลีอย่าง จอร์จินโญ่ เล่นเป็นกองกลางตัวลึก และขยับ เดแคลน ไรซ์ ขึ้นและให้อิสระในการเล่นมากขึ้น เรียกว่าสอดประสานกันลงตัวสุดๆ เรียกได้ว่า ไรซ์ เล่นตำแหน่งเบอร์ 8 ได้อย่างไม่เคอะเขิน เป็นบ็อกซ์ทูบ็อกซ์ ที่ขึ้นลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
25 เกมแรกในพรีเมียร์ลีก สถิติจาก Opta ชี้ว่า เดแคลน ไรซ์ สัมผัสบอลในกรอบเขตโทษฝ่ายตรงข้าม เพียง 23 ครั้งเท่านั้น และที่สำคัญ 6 ครั้งในนั้นเกิดขึ้นในเกมเดียวที่พวกเขาเจอกับไบรท์ตันในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เฉลี่ยไม่ถึง 1 ครั้งต่อเกม แต่ 9 นัดหลังสุด เดแคลน ไรซ์ สัมผัสบอลในกรอบเขตโทษคู่ต่อสู้ถึง 33 ครั้ง เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 3.7 ครั้งต่อเกม เดแคลน ไรซ์ ยังมีสถิติพาบอลขึ้นหน้าเปลี่ยนจากรับเป็นรุกได้อย่างรวดเร็ว และอยู่ในอันดับต้นๆ ของลีกที่ไม่ใช่กองหลัง รวมถึงรับหน้าที่เตะมุม ในบรรดานักเตะที่เปิดลูกเตะมุมมากกว่า 15 ครั้งขึ้นไป เดแคลน ไรซ์ มีค่าเฉลี่ยแอสซิสต์ต่อประตู 0.04 ต่อลูกเตะมุม สร้างสรรค์โอกาสเป็นประตูเป็นอันดับ 9 ของพรีเมียร์ลีก สำหรับค่า xA ทั้งหมดจากลูกเตะมุม 3 จาก 37 ลูกเตะมุมของเขานำไปสู่ประตู (8.1%) โดยมีผู้เล่นเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีอัตราที่ดีกว่า
เดแคลน ไรซ์ เปลี่ยนโฉมหน้าทีมปืนใหญ่ไปอย่างสิ้นเชิง
การเซ็นสัญญากับเดแคลน ไรซ์ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ และไม่ว่าพวกเขาจะก้าวไปชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก ที่พวกเขารอคอยเกือบ 20 ปีได้หรือไม่ก็ตาม การได้ตัว เดแคลน ไรซ์ มาในราคาสูงถึง 105 ล้านปอนด์ คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม และด้วยวัยเพียง 25 ปี อาร์เซน่อลภายใต้การคุมเกมแดนกลางของ เดแคลน ไรซ์ และมันสมองของมิเกล อาร์เตต้า น่าจะยืนระยะในการลุ้นแชมป์ได้อย่างน้อย 3-4 ปี
ที่มา: https://theanalyst.com/eu/2024/04/declan-rice-arsenals-105m-signing-who-has-proved-priceless/