เลสเตอร์ ซิตี้ กลับขึ้นสู่ลีกสูงสุดอย่าง พรีเมียร์ลีก ได้อีกครั้ง หลังตกชั้นได้เพียงปีเดียว จากการเป็นแชมป์เดอะ แชมเปี้ยนชิพ สมัยที่ 8 ของประวัติศาสตร์สโมสร พร้อมตั้งเป้าทำ 100 คะแนน ให้ได้ โดยทีมจิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ มีหน้าตาที่เปลี่ยนไปจาก พรีเมียร์ลีก 2022-23 ที่พวกเขาตกชั้น แต่การได้ เอ็นโซ มาเรสก้า มาคุมทีมทำให้พวกเขากลับขึ้นสู่จุดที่พวกเขาควรจะอยู่ เมื่อดูจากสภาพความพร้อมต่างๆ ของสโมสร
การตกชั้นของเลสเตอร์ ซิตี้ ทำให้พวกเขาสิ้นสุดการอยู่ในพรีเมียร์ลีกรอบนี้ไว้ที่ 9 ปี รวมถึงเทพนิยายจิ้งจอก ในฤดูกาล 2015-16 ที่พวกเขาได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ครั้งแรกและครั้งเดียวของประวัติศาสตร์สโมสรภายใต้การบริหารงานของ King power และยังรวมถึงเหล่าซูเปอร์สตาร์ ตัวหลักที่จะต้องย้ายออกจากทีมไปไม่ว่าจะเป็นเจมส์ แมดดิสัน ย้ายไปสเปอร์ส,ฮาร์วี่ย์ บาร์น ย้ายไปนิวคาสเซิ่ล,ยูริ เตเลอมองส์ ย้ายไปแอสตัน วิลล่า,ทิโมธี คาสตานเย่ ย้ายไปฟูแล่ม รวมถึงอีกหลายๆ คน พร้อมการลาออกของผู้จัดการทีมที่พาพวกเขาตกชั้น เรียกได้ว่าเปลี่ยนไปมาก ก่อนจะได้ เอ็นโซ มาเรสก้า กุนซืออิตาลี มาทำทีมเพื่อหวังเลื่อนชั้นทันที
เอ็นโซ มาเรสก้า เกิดและเริ่มเล่นฟุตบอลที่อิตาลี แต่ได้สัญญาอาชีพค้าแข้งครั้งแรกที่เดอะ ฮอว์ธอร์น เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ทั้งที่ยังไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ ก่อนจะใช้ชีวิตที่อังกฤษเกือบ 3 ปี ก่อนจะย้ายกลับไปค้าแข้งในกัลโช เซเรีย อาร์ อิตาลี กับยูเวนตุส,โบโลญญ่า,ปิอาเซนซ่า,ฟิออเรนติน่า, ตามลำดับ ก่อนจะย้ายไปลา ลีกา สเปน เล่นให้เซบีญ่า และอีกหลายสโมสร เรียกได้ว่าผ่านมือสุดยอดโค้ชและได้สัมผัสการติวจาก มาร์เซโล่ ลิปปี้,คาร์โล อันเชลอตติและมานูเอล เปเญกรินี่ น่าจะเรียนรู้ ลักจำดูดวิชา จากปรมาจารย์มาไม่มากก็น้อย ก่อนจะมีโอกาสมาเป็นผู้ช่วยของสุดยอดโค้ชยุคปัจจุบันอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ถิ่นอิติฮัต สเตเดียม ในฤดูกาล 2022-23 เป็น 1 ในทีมงานที่ได้สัมผัสแชมป์พรีเมียร์ลีก ก่อนจะออกมารับงานกุนซือใหญ่ที่เลสเตอร์ ซิตี้
เอ็นโซ มาเรสก้า เคยบอกว่า “ฟุตบอลในแบบฉบับที่เขาชื่นชอบ คือฟุตบอลสไตล์แมนฯซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า” ความคิดเกี่ยวกับฟุตบอลคือพยายามทำยังไงก็ได้ให้ทีมครองเกมได้ ซึ่งนอกจากจะเน้นต่อบอลสร้างสรรค์เกมในแดนกลางแล้ว ยังรวมถึงการพยายามครองบอลและจ่ายบอลให้ได้มากที่สุด และเอ็นโซ มาเรสก้า ก็ทำสำเร็จกับเลสเตอร์ ซิตี้ โดยในบรรดาคู่แข่งในเดอะ แชมเปี้ยนส์ชิพ มีเพียงเซาธ์แธมป์ตันเท่านั้นที่มีการครองบอลโดยเฉลี่ยในฤดูกาลนี้สูงกว่าเลสเตอร์ที่ทำได้ 61.2% หรือจ่ายบอลได้มากกว่าทีมจิ้งจอกสยาม ที่ทำได้ทั้งหมด 27,953 ครั้ง และผลงานการยิงประตู 89 ประตูมากที่สุด เสีย 39 ประตู น้อยสุดในลีก การันตีว่าดีพอจะกลับมาโลดแล่นบนเวทีพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ในฤดูกาล 2024-25
แมดส์ เฮอร์แมนเซ่น,แฮร์รี่ วิงค์ คือ 2 ใน 5 นักเตะที่ เอ็นโซ มาเรสก้า เซ็นสัญญาเข้ามาร่วมทีมเลสเตอร์ ซิตี้ เพื่อเสริมให้ทีมแข็งแกร่งและสมดุลย์มากขึ้น เป็นไปตามที่ มาเรสก้า ต้องการ โดยระบบของ เอ็นโซ มาเรสก้า คือฟุตบอลยุคใหม่ ผู้รักษาประตูต้องเซตเกมได้ ออกบอลจากแดนหลังได้ ซึ่งการได้ แมดส์ เฮอร์แมนเซ่น ผู้รักษาประตูที่ย้ายมาจากบรอนด์บี้ ตอบโจทย์ ครองบอล เซตเกมจากแดนหลังได้ ไม่มีผู้รักษาประตูในเดอะ แชมเปี้ยนชิพคนไหนพยายามออกบอลมากเท่าเขา แฮร์รี่ วิงค์ มิดฟิลด์ตัวกลางจากสเปอร์ส เข้ามายืนตัวหลักในแดนกลางสร้างสมดุลย์ให้ระบบของเอ็นโซ มาเรสก้า เรียกว่าแดนกลางขาดตัวคุมจังหวะเกมแบบแฮร์รี่ วิงค์ ไม่ได้ อีก 1 คนสำคัญ ยานนิค เวสเตอร์การ์ด ถ้าจะบอกว่าเพราะไม่มี เวสเตอร์การ์ด แล้วทีมตกชั้น ก็น่าจะมีส่วนเพราะเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บหนักพักทั้งฤดูกาล แต่ในฤดูกาลนี้ ยานนิค เวสเตอร์การ์ด กลับมายืนบัญชาเกมรับ ทั้งเหนียวแน่น ทั้งทางบอลดี รวมถึงการจ่ายบอลและมีส่วนร่วมกับบอลมากที่สุดในลีก การันตีความสำคัญได้อย่างแน่นอน
พี่ใหญ่กัปตันทีมวัย 37 ปี เจมี่ วาร์ดี้ เป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีมที่ไว้ใจได้ ยิงในลีกไป 18 ประตู อยู่อันดับ 4 ดาวซัลโวของลีก และความจงรักภักดีต่อสโมสร คอยกระตุ้นน้องๆ ในทีม เรียกได้ว่าเป็นผู้นำจิตวิญญานให้น้องๆ ได้เป็นอย่างดี มี เจมี่ วาร์ดี้ อุ่นใจกว่าเยอะ และยังยืนหยัดอยู่กับทีมไม่ว่าจิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ จะอยู่ในสถานะใด
ที่มา : https://www.premierleague.com/news/3988190