เรียกได้ว่าปี 2024 ของทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด จบลงด้วยผลงานที่ย่ำแย่มากๆ ในยุคของ รูเบน อโมริม เฮ็ดโค้ชคนใหม่ที่เข้ามารับงานกลางฤดูกาลและเปลี่ยนรูปแบบและวิธีเล่นของทีมใหม่ทั้งหมด เรียกได้ว่าเวลาในการปรับ ทดลองระบบแทบไม่มี ต้องลองในเกมแข่งขันจริงและผ่านมาเกือบ 2 เดือน ผลงานมีแต่ทรงกับทรุด จนเห็นแผลต่างๆ ของทีมมากขึ้นเรื่อยๆ นักเตะเล่นไม่เข้าระบบ คุณภาพไม่ถึง
แมนฯยูไนเต็ด ไม่มีงบประมาณในการเสริมทีมในตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคม เมื่อพวกเขาลงทุนไป 206 ล้านปอนด์ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เพื่อเซ็นสัญญากับนักเตะ 5 คน เลนี่ โยโร่ , โจชัว เซิร์กซี, มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์, นุสแซร์ มาซราอุย และ มานูเอล อูการ์เต้ ซึ่งทำให้ไม่มีเงินทุนเพิ่มเติมสำหรับการเสริมทีมในตลาดนี้
แหล่งข่าวจากสโมสร เน้นย้ำว่า แมนฯยูไนเต็ด ต้องขายนักเตะก่อนหากต้องการซื้อนักเตะใหม่ ท่ามกลางความยากลำบากในการปฏิบัติตามกฎความยั่งยืนและความสามารถในการทำกำไร หรือ PSR ของพรีเมียร์ลีก รวมถึงกฎการเงิน หรือ FFP ของยูฟ่า แหล่งข่าวระบุต่อว่า แมนฯยูไนเต็ด “ไม่สามารถทำอะไรได้” หากไม่มีการเคลื่อนไหวจากทีม
เมื่อถูกถามว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะสามารถเสริมทัพเพื่อปรับปรุงทีมในเดือนนี้ได้หรือไม่ รูเบน อโมริม เฮดโค้ชของทีมปีศาจแดง ตอบว่า “เราไม่มีทางเลือกนั้นในเดือนมกราคม คุณรู้สถานการณ์ดีกว่าผม มันไม่ใช่กรณีที่ผมจะเข้ามาแล้วสามารถใช้เงินจำนวนมากเปลี่ยนแปลงทีมทั้งหมด คุณรู้สถานการณ์ดีอยู่แล้ว ดังนั้นไม่มีความจำเป็นต้องพูดถึงเรื่องนี้”
แมนฯยูไนเต็ด ในยุคของ รูเบน อโมริม เปลี่ยนมาใช้ระบบ 3-4-3 เป็นหลัก ทำให้ฟอร์มของทีมแย่ลง โดยแพ้ 6 จาก 11 เกมที่เขาคุมทีม ซึ่ง รูเบน อโมริม ยังคงยืนยันในแนวทางของตัวเองจะไม่เปลี่ยนแปลงระบบดังกล่าว การพ่ายแพ้ครั้งที่ 5 ใน 6 เกมพรีเมียร์ลีกต่อเนื่อง ทำให้ แมนฯยูไนเต็ด ตกไปอยู่ที่อันดับ 14 ของตาราง มีคะแนนห่างจากโซนตกชั้นเพียง 7 แต้ม และพวกเขาตกรอบคาราบาว คัพ ในช่วงกลางเดือนธันวาคม และต้องเผชิญหน้ากับเกมเยือนที่ยากลำบาก 2 นัดติดต่อกัน เริ่มต้นปี 2025 ทำศึกแดงเดือดกับจ่าฝูงที่ไร้เทียมทานอย่าง ลิเวอร์พูล ในลีก และ อาร์เซน่อล ในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 3
ที่มา : https://www.manchestereveningnews.co.uk/sport/football/transfer-news/manchester-united-no-budget-january-30683024
