JBONEWS - 1 ในนักเตะฟอร์มดีและถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง หลังจบศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2024 ชื่อของกองหลังผมสลวย ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ทีมชาติอิตาลีจากทีมโบโลญญ่า ก็ได้รับความสนใจจากสื่อและแฟนบอลนอกแผ่นดินรองเท้าบูท ด้วยคาแรคเตอร์ บุคลิก ท่าทาง ไปละหม้ายคล้ายกับตำนานกองหลังทัพอัซซูรี่หลายคน ทั้ง เปาโล มัลดินี่ , อเล็กซานโดร เนสต้า รวมถึงฟาบิโอ คันนาวาโร่ ที่สำคัญผลงานส่วนตัวในศึกยูโร 2024 ที่ผ่านมาเรียกได้ว่าเข้าตามากๆ
สื่อหลายสำนักรายงานข่าวตรงกันว่า ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ได้รับความสนใจจากหลายสโมสรทั้งในอิตาลี และทีมจากอังกฤษ โดยเฉพาะทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ที่สื่อคาดการณ์กันว่า คาลาฟิออรี่ ได้บรรลุข้อตกลงส่วนตัวกับอาร์เซน่อลแล้ว และโบโลญญ่า ก็ยอมปล่อยในราคาประมาณ 42 ล้านปอนด์
ในช่วงรอบแบ่งกลุ่มของยูโร 2024 มีเพียง 4 กองหลังที่สกัดกั้นได้มากกว่า ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ที่ทำได้ 6 ครั้ง ในขณะที่มี 14 คนที่เก็บบอลได้มากกว่าเขาที่ทำได้ 13 ครั้ง เขาแข็งแกร่งในลูกอากาศใน 3 เกมที่ลงเล่น ชนะการดวลทางอากาศ 7 จาก 9 ครั้ง และมีกองหลังเพียง 2 คน ที่สร้างโอกาสจากการเล่นมากกว่า คาลาฟิออรี่
ผลงานฤดูกาลที่ผ่านมาของเขากับโบโลญญ่า ส่งผลให้ลูเซียโน่ สปัลเลตติ กุนซือใหญ่ทัพอัซซูรี่เรียก ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ติดทีมชาติเป็นครั้งแรก พร้อมแจ้งเกิดให้โลกลูกหนังได้เห็นถึงความสามารถของเขา กองหลังวัย 22 ปี คือ 1 ในกำลังสำคัญของทีมโบโลญญ่า ภายใต้การคุมทีมของติอาโก้ มอตต้า กุนซือหนุ่ม ทำผลงานเซอร์ไพรซ์แฟนบอลด้วยการจบอันดับ 5 ของศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี และได้โควตาไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
นับเฉพาะเกมในศึกกัลโช่ เซเรีย อา ของโบโลญญ่า กับผลงานที่ทีมมีกับไม่มี ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ต่างกันขนาดไหน
โบโลญญ่า เมื่อมี คาลาฟิออรี่ 30 นัด ชนะ 16 เสมอ 11 แพ้ 3 โดยมีเปอร์เซ็นต์ชนะ 53.3% ได้ 48 ประตู เสีย 24 ประตู เฉลี่ยเสีย 0.8 ประตู/เกม
โบโลญญ่า เมื่อไม่มี คาลาฟิออรี่ 8 นัด ชนะ 2 เสมอ 3 แพ้ 3 โดยมีเปอร์เซ็นต์ชนะ 25% ได้ 6 ประตู เสีย 8 ประตู เฉลี่ยเสีย 1 ประตู/เกม
ในบรรดากองหลังในศึกกัลโช่ เซเรีย อา ฤดูกาล 2023-24 ที่ลงเล่นอย่างน้อย 10 นัด
อีก 1 เหตุผลสำคัญคือ ถ้าอาร์เซน่อล ได้ดาวรุ่งวัย 22 ปีไปร่วมทีม ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ จะเล่นตรงไหน เพราะที่โบโลญญ่า เขาก็เล่นกองหลังตัวกลาง เช่นเดียวกับในยูโร 2024 และถึงแม้อาร์เซน่อลจะพลาดแชมป์ให้แมนฯซิตี้ แต่พวกเขาเป็นทีมที่มีเกมรับเหนียวที่สุด เสียเพียง 29 ประตู ซึ่งน้อยที่สุดในพรีเมียร์ลีก โดยห่างจากอันดับ 2 ถึง 5 ประตู และมีค่า xGA (expected goals against) หรือโอกาสที่จะเสียประตูเพียง 28.4 ซึ่งต่ำที่สุดของทีมในลีกชั้นนำยุโรป การจับคู่กันของวิลเลี่ยมส์ ซาลิบา กับ กาเบรียล มากัลเยส ก็ไม่ได้มีข้อผิดพลาดอะไรเรียกได้ว่าลงตัวมากในฤดูกาล 2023-24 ที่ผ่านมา ฉะนั้นสื่อหลายสำนักคาดการณ์ว่าการซื้อ ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ มาด้วยราคาสูงเกือบ 50 ล้านปอนด์ มิเกล อาร์เตต้า ไม่น่าเอามานั่งเป็นตัวสำรอง อาจจะจับ คาลาฟิออรี่ เล่นตำแหน่งแบ็คซ้าย ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เจ้าตัวเคยเล่นมาก่อน โดยสถิติหลายอย่างของคาลาฟิออรี่ ดีกว่า โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้และยาคุบ คิวิออร์ 2 แบ็คซ้ายของอาร์เซน่อล เฉกเช่นเดียวกับที่มิเกล อาร์เตต้า เคยจับเบน ไวน์ จากเคยเล่นเซนเตอร์ไปยืนแบ็คขวา และโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ติดทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2023-24 ร่วมกับวิลเลี่ยมส์ ซาลิบาและกาเบรียล มากัลเยส มาแล้ว
มารอลุ้นกันว่าทัพปืนใหญ่จะปิดดีลคว้าตัว ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ มาเสริมเกมรับให้แน่นกว่าเดิมได้ตามข่าวหรือไม่ต้องติดตาม
ที่มา: https://theanalyst.com/eu/2024/07/arsenal-signing-riccardo-calafiori-improve-premier-league-best-defence/
#JBO #เบอร์บาตอฟ #GoodGameLiveBetter #YouWinIWin #JBOVIP
อนาคตของ โรแบร์โต้ มันชินี่ ชัดเจนเป็นทางการ เพราะล่าสุดเปิดตัวเป็นเฮดโค้ชคนใหม่ทีมชาติซาอุดีอาระเบียเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางความชื่นมื่นของทุกฝ่าย เพราะมั่นใจว่าเขาจะช่วยเพิ่มโอกาสดี ๆ ให้กับทีมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากนี้ทั้งหมดต้องรอลุ้นกันต่อว่าสุดท้ายการทำงานของเขากับทีมจะลงเอยอย่างไรต่อไป และมาพร้อมกับผลงานยอดเยี่ยมตามที่ทุกฝ่ายตั้งใจเอาไว้หรือเปล่า
JBO News อัพเดตข่าวสาร วงการกีฬา,อีสปอร์ต จากทั่วโลกที่นี่ที่เดียว
โดยหลังจากนี้ทางด้าน มันโช่ จะได้ทำงานร่วมกับสหพันธ์ฟุตบอลซาอุดีอาระเบียยาวนานถึง 4 ปี ด้วยกัน ซึ่งการมาของเขาครั้งนี้เต็มไปด้วยความหวังสูงมาก เพราะเชื่อกันว่าเขาจะช่วยเพิ่มและยกระดับทีมไปสู่ความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย ด้วยเขาเป็นคนที่มีประสบการณ์คุมทีมสูงมาก ดังนั้นการมาของเขาย่อมสร้างโอกาสดี ๆ ให้กับทีมมากมายตามมาแน่นอน
นอกจากนั้นสิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดอีกเรื่องคือสัญญา 4 ปี ที่กุนซือวัย 58 กะรัตได้รับมีมูลค่าสูงถึง 30 ล้านยูโร ทันที ซึ่งทำให้เขาเป็นผู้จัดการทีมที่มีค่าแรงสูงสุดในโลกไปโดยปริยาย และการได้รับเงินค่าแรงสูงขนาดนี้สิ่งที่ตามมาคือเขาต้องแบกความหวังของทุกฝ่ายอย่างหนัก เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าเขาเป็นคนที่เหมาะกับการทำงานร่วมกับทีมจริง ๆ และคู่ควรกับสัญญาที่มีมูลค่าสูงสุดของโลกให้ได้
อย่างไรก็ตามสื่อบางสำนักย้ำว่าเขาเป็นคนที่โชคดีมาก ๆ เพราะก่อนหน้านี้เพิ่งแยกทางกับทีมชาติอิตาลีไปได้ไม่นานเท่านั้น แต่กลับได้งานใหม่แบบรวดเร็วทันใจจริง ๆ ส่วนการตัดสินใจแยกทางกับทัพอัซซูรี่ คาดว่าน่าจะเป็นเพราะผลงานของเขากับทีมตลอดหลายรายการที่ผ่านมาไม่น่าประทับใจเลย จนกระทั่งสุดท้ายการแยกทางน่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดของทุกฝ่ายไปโดยปริยาย
โดยล่าสุดเจ้าตัวเปิดใจว่า “พร้อมจะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายแน่นอน และผมตื่นเต้นกับโอกาสที่ได้มาจากการทำงานร่วมกับส.ฟุตบอลซาอุดีอาระเบีย หลังจากนี้ผมมีความตั้งใจสูงสุดคือการพัฒนาทีมให้ดีขึ้นมากกว่าเดิม โดยทำให้ทีมของเรามีโอกาสไปได้ไกลทุกรายการแข่งขันมากที่สุด ซึ่งผมย้ำว่าการแก้ไขปรับปรุงทีมให้ดีขึ้นย่อมมีแน่นอน แต่จะเป็นการปรับปรุงไปในทางไหนกันบ้างเราค่อยมาดูกันอีกทีดีกว่า”
ประวัติการทำงานของ มันชินี่ กุนซือชาวอิตาเลียนรายนี้นับว่าเป็นอีกหนึ่งคนที่โลดแล่นในวงการลูกหนังมานาน โดยผลงานของเขาที่ผ่านมาคือพาทีมอินเตอร์ มิลาน คว้าแชมป์ เซเรีย อา 4 สมัย, พา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 1 สมัย และพาทีมชาติอิตาลีลุยรายการฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 นอกจากนั้นยังเคยทำงานร่วมกับทีมระดับแถวหน้าของยุโรปมาแล้วหลายทีมด้วยกัน