แม้ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล จะพลิกล็อกแพ้ พลีมัธ ตกรอบ 4 ในศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ หมดโอกาสลุ้นถึง 4 แชมป์ในฤดูกาลนี้ แต่ถ้ามามองถึงเกมลีก หงส์แดง ยังคงนำเป็นจ่าฝูงในศึกพรีเมียร์ลีก และด้วยฟอร์มของทีมลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ อาร์เน่อ สล็อต ถือว่าร้อนแรงและหาทีมหยุดได้ยากมาก โอกาสจะเป็นแชมป์ลีกสมัยที่ 20 ค่อนข้างสูง
แม้จะตกรอบเอฟเอ คัพ แบบเหนือความคาดหมาย แต่เกมนัดต่อไปของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล จะทำศึกเมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้ กับเพื่อนร่วมเมือง เอฟเวอร์ตัน ซึ่งเกมนี้เป็นเกมตกค้างที่โดนโยกมาลงในกลางสัปดาห์นี้ ถ้าทีมหงส์แดง บุกมาชนะเอฟเวอร์ตัน ถึงถิ่นกูดิสัน พาร์ค ได้ พวกเขาจะขยับทำแต้มทิ้งห่างทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล เป็น 9 คะแนน
ด้าน พอล เมอร์สัน ตำนานของทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ที่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นคอมเมนเตเตอร์ ให้สัมภาษณ์กับ Metro Sport ถึงโอกาสการคว้าแชมป์ของลิเวอร์พูลว่า “หาก ลิเวอร์พูล ชนะ เอฟเวอร์ตัน พวกเขาจะนำ 9 แต้ม โดยเหลืออีก 14 เกม ซึ่งหมายความว่าพวกเขาต้องแพ้ถึง 4 นัด ซึ่งผมคิดว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ สำหรับผมทุกอย่างขึ้นอยู่กับเกมวันพุธนี้” เมอร์สัน ส่งสารชัดเจนว่า ลิเวอร์พูล มีโอกาสทองในการยึดความได้เปรียบ หากพวกเขาทำผลงานได้ที่กูดิสัน พาร์ค การแข่งขันลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอาจจบเร็วกว่าที่หลายคนคาดคิด
แม้ตารางแข่งขันที่แน่นขนัดจะเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับขุมกำลังของทีมหงส์แดง แต่ชัยชนะเหนือเอฟเวอร์ตันอาจทำให้การคว้าแชมป์ลีกแทบจะการันตีได้เลย ซึ่ง ลิเวอร์พูล กำลังลุ้นคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษสมัยที่ 20 ซึ่งจะทำให้พวกเขาทาบสถิติของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สำหรับ อาร์เน่ สล็อต หากเขาพา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ได้ในฤดูกาลแรกของเขา ก็จะเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมหลังเข้ามารับงานต่อจาก เจอร์เก้น คล็อปป์
ที่มา: https://www.sportingnews.com/uk/football/liverpool/news/arsenal-legend-prediction-liverpool-premier-league-title-race/b12aad29436ca8e247826e04
นอกจากตกรอบฟุตบอลถ้วยอีก 1 รายการ สำหรับทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ที่แพ้ นิวคาสเซิ่ล ในรอบรองชนะเลิศ ศึกคาราบาว คัพ แล้วพวกเขายังได้รับข่าวร้าย เมื่อจะหมดสิทธิ์ใช้งาน กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ แนวรุกชาวบราซิเลี่ยน ที่ได้รับบาดเจ็บในเกมดังกล่าว
ล่าสุด The Athletic รายงานว่า ทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล จะหมดสิทธิ์ใช้งาน กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ แนวรุกวัย 23 ปี ทีมชาติบราซิล อย่างน้อย 1 เดือน จากอาการบาดเจ็บที่เอ็นหลังหัวเข่า หรือ แฮมสตริง ซึ่งได้รับบาดเจ็บมาจากนัดแพ้ นิวคาสเซิ่ล เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
ซึ่งรายงานเบื้องต้นของ The Athletic คาดว่า อาร์เซน่อล จะไม่มีแนวรุกวัย 23 ปีรายนี้มากกว่าหนึ่งเดือน ซึ่งหมายความว่าเขาจะพลาดเกมพรีเมียร์ลีก นัดพบ เลสเตอร์ ซิตี้ , เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และนอตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในเดือนกุมภาพันธ์ นอกจากนี้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ อาจจะไม่พร้อมในเกมเยือนแมนฯยูไนเต็ด และเกมเปิดบ้านพบกับ เชลซี ในช่วงต้นเดือนมีนาคมอีกด้วย
ถือเป็นข่าวร้ายสำหรับ มิเกล อาร์เตต้า กุนซือใหญ่ของทัพปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ซึ่งพวกเขากลับมาเป็นผู้ท้าชิงเบอร์ 1 ของลิเวอร์พูล ที่มีแววพอจะต่อสู้เพื่อลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกกับทีมหงส์แดง เพราะก่อนหน้านี้ทีมเพิ่งเสีย กาเบรียล เชซุส ที่พักยาวจากอาการบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้า หรือ ACL ตั้งแต่เดือนมกราคม ขณะที่ บูกาโย่ ซาก้า คาดว่าจะกลับมาได้ในเดือนมีนาคม หลังเข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการบาดเจ็บแฮมสตริง ซึ่งในฤดูกาลนี้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ลงเล่นไปแล้ว 35 นัด รวมทุกรายการ ยิงไป 7 ประตู กับ 3 แอสซิสต์
ที่มา : https://www.nytimes.com/athletic/6122150/2025/02/07/arsenal-martinelli-hamstring-injury-update/
อลัน เชียเรอร์ อดีตศูนย์หน้าตำนานของทีมสาลิกาดง นิวคาสเซิ่ล แสดงทรรศนะส่วนตัว เชื่อว่า ต้นสังกัดเก่าดีพอจะแซงทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล เข้าป้ายไปคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ได้สำเร็จ
อลัน เชียเรอร์ ที่ผันตัวเองมาเป็นคอมเมนเตเตอร์ ถูกยิงคำถามจากพิธีกรร่วมในรายการ BBC’s Match of the Day ถามว่าทีมสาลิกาดง มีแต้มห่างจากจ่าฝูง ลิเวอร์พูล มากเกินไปสำหรับพลิกแซงช่วง 17 นัดที่เหลือหรือไม่ ตำนานนิวคาสเซิ่ล ก็ตอบว่า “ไม่เลย จากฟอร์มของ นิวคาสเซิ่ล ในตอนนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาสามารถทำได้”
โดยเหตุผลของ อลัน เชียเรอร์ มาจากผลงานที่ยอดเยี่ยมของอดีตต้นสังกัด ซึ่ง เชียเรอร์ เผยว่า “ด้วยเกมรับของ นิวคาสเซิ่ล ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่งและกำลังเก็บคลีนชีทได้หลายนัด เมื่อรวมกับดาวยิงฟอร์มฮอต อย่าง อเล็กซานเดอร์ อิซัค ในแดนหน้า ผมคิดว่าพวกเขามีโอกาส”
ซึ่ง อเล็กซานเดอร์ อิซัค ที่กำลังฟอร์มร้อนแรงยิง 8 นัดติดต่อกัน ทำลายสถิติยิงติดต่อกันได้มากที่สุดของนิวคาสเซิ่ล ที่ อลัน เชียเรอร์ เคยทำได้ ทำให้ เชียเรอร์ ชื่นชมผลงานของกองหน้ารุ่นน้องว่า “อเล็กซานเดอร์ อิซัค คือกองหน้าที่สมบูรณ์แบบ เขากำลังฟอร์มร้อนแรงและไม่มีใครสามารถหยุดได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า อิซัค มีความสามารถอยู่แล้ว ตอนนี้เขามีความมั่นใจและเชื่อในตัวเอง พร้อมยังลงมาช่วยทำหน้าที่ในเกมรับด้วยเช่นกัน” อลัน เชียเรอร์ ยังย้ำปิดท้ายด้วยว่า “ทุกอย่างเกี่ยวกับฟุตบอลของ อิซัค นั้นยอดเยี่ยมมาก เขาคือคนที่กองหลังตามประกบได้ยากสุดๆ”
ที่มา : https://www.liverpool.com/liverpool-fc-news/features/alan-shearer-throws-new-contender-30800639
ควันหลงศึกนอร์ทลอนดอน ดาร์บี้ ที่ทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล เปิดสนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม แซงเอาชนะทีมไก่เดือยทอง ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ 2-1 โดย มิเกล อาร์เตต้า กุนซือทัพปืนใหญ่ เผยหลังเกมว่าลูกทีมของพวกเขาพร้อมแล้วที่จะเบียดลุ้นแย่งแชมป์กับลิเวอร์พูล
มิเกล อาร์เตต้า กุนซือทัพปืนใหญ่ ออกโรงชมลูกทีมว่าโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมเปิดบ้านเอาชนะคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ กุนซือวัย 42 ปี เผยว่า “วันนี้เรายอดเยี่ยมตั้งแต่นาทีแรก เล่นได้อย่างเข้มข้น แสดงให้เห็นถึงคุณภาพ เล่นด้วยความมุ่งมั่นที่จะเล่นงานคู่แข่งทั้งตอนที่มีบอลและไม่มีบอล เราสร้างบรรยากาศที่น่าเหลือเชื่อ เรารู้ว่าเกมดาร์บี้แมตช์สำคัญกับทุกคน”
กุนซือชาวสเปนยังเผยต่อว่า “มันเป็นของขวัญที่ทำให้แฟนบอลของเรามีความสุข และผมมั่นใจว่าเราจะทำสำเร็จและพวกเขาภูมิใจกับทุกสิ่งมาก” มิเกล อาร์เตต้า ยังเผยต่อว่า “เมื่อคิดย้อนกลับไป เกมกับ นิวคาสเซิ่ล เราควรชนะพวกเขาได้, แมนฯยูไนเต็ด ก็เช่นกัน แต่วิธีการที่เราตอบสนองในวันนี้, ทัศนคติที่เราเล่น, ไม่โทษตัวเอง, แค่เล่นตามระบบ มันยอดเยี่ยมมาก เราเพิ่งลงเล่น 120 นาที มาเมื่อไม่ถึง 72 ชั่วโมงที่แล้ว ดังนั้นผมภูมิใจในตัวพวกเขามาก”
ต่อข้อซักถามถึงการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก มิเกล อาร์เตต้า ก็เผยอย่างมั่นใจว่า “แน่นอนว่าเรามีลุ้น เพราะมันเหลือเกมให้เล่นอีกเยอะ และเราก็เห็นกันแล้วว่าแต่ละทีมเก็บชัยชนะกันได้ยากแค่ไหน เมื่อคุณมีโอกาสที่จะลดช่องว่างจากจ่าฝูง แล้วนั้นคุณก็ต้องคว้ามันเอาไว้ให้ได้”
ที่มา: https://www.japantimes.co.jp/sports/2025/01/16/soccer/arsenal-back-in-race/
หลังจากที่ทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล กลับมาอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง หลังบุกไปเอาชนะเบรนท์ฟอร์ด 3-1 ทำให้พวกเขาขยับขึ้นมาอยู่ที่ 2 ของตารางพรีเมียร์ลีก ตามหลังจ่าฝูงลิเวอร์พูลอยู่ 6 คะแนน แต่แข่งมากกว่า 1 นัด ซึ่งสิ่งหนึ่งที่พวกเขาขาดคือกองหน้าตัวเป้า ที่แฟนบอลเดอะ กันเนอร์ เรียกร้อง ตลอด 2-3 ฤดูกาลหลัง การขาดหน้าเป้าทำให้พวกเขาทำแต้มหล่นไปหลายเกม
หลังจากพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีกไปอย่างเฉียดฉิวถึง 2 ฤดูกาล อาร์เซน่อล กำลังพยายามกลับมาเป็นทีมลุ้นแชมป์ฤดูกาลที่ 3 ติดต่อกันให้ได้ แต่ยังคงตามหลังลิเวอร์พูลในหลายด้าน โดยเฉพาะการขาดกองหน้าตัวเป้า ที่ทำประตูได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งถือเป็นจุดอ่อนสำคัญของทีมมาตลอดและสถานการณ์ยิ่งซับซ้อนขึ้นเมื่อ บูกาโย่ ซาก้า ได้รับบาดเจ็บและต้องพักอย่างน้อย 2 เดือนเป็นอย่างต่ำ
รายงานจาก The Mirror ระบุว่า อเล็กซานเดอร์ อิซัค ศูนย์หน้าของ นิวคาสเซิ่ล ที่กำลังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมในตอนนี้ ยิง 12 ประตู 4 แอสซิสต์ จาก 17 เกมในพรีเมียร์ลีก ยังคงเป็นที่สนใจของ มิเกล อาร์เตต้า อย่างไรก็ตามการเซ็นสัญญากับเขาในเดือนมกราคมจะดูเป็นเรื่องยาก เนื่องจาก นิวคาสเซิ่ล ตั้งค่าตัวเขาไว้สูงถึง 150 ล้านปอนด์ ซึ่ง อาร์เซน่อล อาจพิจารณาอีกครั้งในช่วงซัมเมอร์ ขึ้นอยู่กับว่า นิวคาสเซิ่ล จะเข้าโควตาไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก หรือไม่ และผลกระทบทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์ดังกล่าว
แนวรุกในพรีเมียร์ลีก อีก 2 คน ที่ได้รับความสนใจจากทีมปืนใหญ่ คือ มาธีอุส คุนญ่า กองหน้าของวูล์ฟส์ และ ไบรอัน เอ็มบูโม่ จากเบรนท์ฟอร์ด ต่างเป็นเป้าหมายที่ อาร์เซน่อล จับตามอง อย่างไรก็ตาม เบรนท์ฟอร์ด ไม่ต้องการปล่อยตัว เอ็มบูโม่ ในช่วงกลางฤดูกาล เนื่องจากเขาเป็นแกนหลักของทีม
ด้าน Daily Mail รายงานว่า อาร์เซน่อล อาจพิจารณาดึง ลีรอย ซาเน่ กลับมาค้าแข้งในอังกฤษอีกครั้ง แนวรุกของบาเยิร์น มิวนิค เคยโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมกับแมนฯซิตี้ และคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกหลายสมัยก่อนย้ายไปบาเยิร์นฯ แต่ปัจจุบันเขาไม่ได้รับโอกาสลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ ซึ่ง เลรอย ซาเน่ เคยร่วมงานกับมิเกล อาร์เตต้า มาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาชอบเล่นในตำแหน่งปีกขวา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ ซาก้า เล่นอยู่แล้ว รวมถึง เบนจามิน เซสโก้ กองหน้าของไลป์ซิก ก็ยังอยู่ในลิสต์ที่ อาร์เซน่อล สนใจเสริมทัพ ในขณะเดียวกัน ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ ของไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น หากเขาตัดสินใจย้ายออกจากสโมสร คงมีหลายทีมต่อแถวเพื่อเซ็นสัญญา และ อาร์เซน่อล ก็คงไม่พลาดที่จะเป็นหนึ่งในนั้น
นอกจากนี้ อาร์เซน่อล จะพยายามโน้มน้าวให้ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ ย้ายมาจาก แอธเลติก บิลเบา ในช่วงซัมเมอร์ แต่ก็อาจตัดสินใจเดินหน้าดึงเขามาร่วมทีมในเดือนนี้ ซึ่งมีรายงานว่าเขามีค่าฉีกสัญญาเพียง 50 ล้านปอนด์ ซึ่ง อาร์เซน่อล เป็นหนึ่งในทีมที่ให้ความสนใจ เช่นเดียวกับ อาร์ด้า กูแลร์ มิดฟิลด์ดาวรุ่งของเรอัล มาดริด ก็ได้รับความสนใจจากทีมปืนใหญ่ ซึ่งมีสตอรี่คล้ายๆ กับ มาร์ติน โอเดการ์ด กัปตันทีมของพวกเขา
ที่มา : https://www.mirror.co.uk/sport/football/transfer-news/arsenal-transfers-january-shortlist-leaked-34401265
โดยแถลงการณ์ของสโมสรเอฟเวอร์ตัน เผยว่า “สโมสรฟุตบอลเอฟเวอร์ตัน ถูกซื้อกิจการโดย Roundhouse Capital Holdings Limited (Roundhouse) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ เดอะ ฟรีดกิ้น กรุ๊ป การซื้อขายเสร็จสมบูรณ์หลังจากมีข้อตกลงระหว่าง Blue Heaven Holdings (BHH) ของฟาร์ฮัด โมชิรี และ Roundhouse ในการขายหุ้นส่วนใหญ่ของ BHH ในสโมสร
โดยการเทคโอเวอร์ทีมเอฟเวอร์ตันของกลุ่มทุน เดอะ ฟรีดกิ้น กรุ๊ป บรรลุข้อตกลงซื้อหุ้นของฟาร์ฮัด โมชิรี่ ในวันที่ 23 กันยายน แต่ก็ต้องรออีกหลายเดือนเพราะต้องรออนุมัติจากพรีเมียร์ลีกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งล่าสุด ได้รับการอนุมัติด้านกฎระเบียบที่จำเป็นจากพรีเมียร์ลีก , สมาคมฟุตบอลอาชีพหญิง, สมาคมฟุตบอลอังกฤษ และหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงิน (FCA) ซึ่งสื่อรายงานว่ามูลค่าการเทคโอเวอร์ในครั้งนี้มีมูลค่าสูงถึง 400 ล้านปอนด์
มาร์ค วัตส์ ประธานกรรมการบริหารคนใหม่ของเอฟเวอร์ตัน เผยว่า “วันนี้ถือเป็นโอกาสที่สำคัญและน่าภาคภูมิใจสำหรับ เดอะ ฟรีดกิ้น กรุ๊ป ที่ได้เข้ามาเป็นผู้ดูแลสโมสรฟุตบอลอันทรงเกียรตินี้ เรามุ่งมั่นที่จะนำพาเอฟเวอร์ตันสู่ยุคใหม่ที่น่าตื่นเต้นทั้งในและนอกสนาม การมอบความมั่นคงทางการเงินให้แก่สโมสรเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก และเรายินดีที่บรรลุเป้าหมายนี้แล้ว แม้ว่าการคืนเอฟเวอร์ตันสู่ตำแหน่งที่สมควรในตารางพรีเมียร์ลีกอาจต้องใช้เวลา แต่วันนี้ถือเป็นก้าวแรกของการเดินทางนั้น”
แดน ฟรีดกิ้น ประธานและซีอีโอของ เดอะ ฟรีดกิ้น กรุ๊ป มีวิสัยทัศน์ในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและประสบความสำเร็จให้กับสโมสรฟุตบอลเอฟเวอร์ตัน โดยให้ความสำคัญ 6 ข้อดังนี้
ฟาร์ฮัด โมชิรี่ ประธานและเจ้าของสโมสรคนเดิม ส่งสารถึงแฟนบอลเอฟเวอร์โตเนียน “ผมเชื่ออย่างแท้จริงว่าดีลกับ เดอะ ฟรีดกิ้น กรุ๊ป จะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับสโมสรและความสำเร็จในอนาคตของเอฟเวอร์ตัน มีความพยายามร่วมกันอย่างมากเพื่อมาถึงจุดนี้ ผมขอขอบคุณเพื่อนร่วมงานในบอร์ดบริหารทุกคน และทีมผู้บริหารระดับสูงที่ทุ่มเทให้กับสโมสร แม้ว่าจะมีสถานการณ์ทางภูมิศาสตร์และการเมืองที่ท้าทาย เราก็สามารถสร้างแผนกกีฬาที่ใหม่ เสถียรภาพทางการเงิน และสนามแห่งใหม่ได้สำเร็จ ผมมั่นใจว่าสโมสรจะอยู่ในมือเจ้าของใหม่ที่ดีและแฟนบอลที่น่าทึ่งจะได้เห็นความสำเร็จในสนามที่พวกเขาสมควรได้รับ”
ที่มา: https://www.evertonfc.com/news/2024/december/19/club-statement/
ความเคลื่อนไหว ของทีมหมาป่า วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส หลังเปิดถิ่นโมลินิวซ์ แพ้ อิปสวิช คาบ้านไป 1-2 จมรองบ๊วยของตารางพรีเมียร์ลีก ล่าสุด สโมสรวูล์ฟส์ฯ แถลงอย่างเป็นทางการปลด แกรี่ โอนีล พร้อมทีมสต๊าฟฟ์ออกจากตำแหน่ง
ความพ่ายแพ้คาบ้านในเกมกับ อิปสวิช ทาวน์ ถือเป็นการแพ้เกมลีกนัดที่ 11 ของฤดูกาล 2024/25 โดย แกรี่ โอนีล คุมทีมชนะได้เพียง 2 นัดเท่านั้น จากการลงสนาม 16 นัด และทำให้ทีมมีอยู่ 9 แต้ม รั้งอันดับ 19 รองบ๊วยของตารางพรีเมียร์ลีก ห่างจากโซนปลอดภัย 4 คะแนน
โดยแถลงการณ์สโมสรเผยว่า “สโมสรแยกทางกับเฮดโค้ช แกรี่ โอนีล และทีมงานสตาฟฟ์ทั้งหมดของเขาแล้ว แกรี่โอนีล เข้ามาคุมทีมที่โมลินิวซ์เพียงสามวันก่อนเปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีก 2023/24 โดยเข้ามารับหน้าที่ที่ท้าทาย และพาทีมหมาป่า ผ่านฤดูกาล 2023/24 ได้อย่างน่าประทับใจ” ด้าน เจฟฟ์ ชี ประธานสโมสรของวูล์ฟแฮมป์ตัน กล่าวขอบคุณกุนซือวัย 41 ปี ว่า “เรารู้สึกขอบคุณแกรี่อย่างยิ่งสำหรับความพยายาม ความทุ่มเท และการทำงานหนักของเขาในช่วงเวลาที่อยู่กับสโมสร และเราขออวยพรให้เขาและทีมของเขาโชคดีในอนาคต”
หลังจากโดน วูล์ฟส์ฯ ปลดออกจากตำแหน่งทำให้ แกรี่ โอนีล เป็นกุนซือคนที่ 3 ของพรีเมียร์ลีกที่โดนปลดออกจากตำแหน่งต่อจาก เอริค เทน ฮาก และ สตีฟ คูเปอร์ ที่กระเด็นออกจากตำแหน่งคุมทีมแมนฯยูไนเต็ดกับเลสเตอร์ตามลำดับ
ที่มา : https://www.wolves.co.uk/news/club/20241215-o-neil-departs-as-wolves-head-coach/
พรีเมียร์ลีกเกมสุดท้ายของเกมวีคที่ 13 ซึ่งเป็นเกมระดับ 5 ดาว เป็นการโคจรมาพบกันระหว่างทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล จ่าฝูงของตารางคะแนนเวลานี้ กับอดีตแชมป์ 4 สมัยติดต่อกันทีมเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ ที่แพ้ในลีกมา 3 เกมติด มาดู 5 กุญแจสำคัญที่จะตัดสินเกมของคู่นี้
การพบกันระหว่างลิเวอร์พูลและแมนฯซิตี้ มักเป็นเกมที่เจ้าบ้านได้เปรียบ โดยทีมเยือนสามารถเก็บชัยชนะได้เพียง 6 ครั้งจาก 54 นัดในพรีเมียร์ลีกที่พบกัน ซึ่งคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของการแข่งขันที่เล่นกันมากกว่า 30 ครั้งในลีก (11%) โดยเฉพาะการมาเยือนที่สนามแอนฟิลด์ ถือว่าเป็นความยากลำบากสำหรับลูกทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า พวกเขาชนะได้เพียงครั้งเดียวจาก 21 เกมในพรีเมียร์ลีกหลังสุดที่ไปเยือนลิเวอร์พูล เสมอ 7 และแพ้ไป 13 เกม ซึ่งชัยชนะนัดเดียวเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ด้วยสกอร์ 4-1 ในช่วงที่สนามไม่มีแฟนบอลเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งแมนฯซิตี้ยังไม่สามารถบุกมาเก็บ 3 แต้มที่แอนฟิลด์เมื่อมีแฟนบอลในสนามได้เลยตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2003 คืนนี้เหล่าเดอะ ค็อป คงสร้างบรรยากาศที่ทำให้งานของแมนฯซิตี้ ยากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่อทีมเยือนอยู่ในสภาพที่ขาดความมั่นใจและไร้ความดุดัน
แมนฯซิตี้ ในฤดูกาลนี้มีเกมรับที่ไม่เหนียวแน่นเหมือนเคย และไม่ใช่แค่จำนวนโอกาสที่พวกเขาปล่อยให้คู่แข่งสร้างขึ้น แต่ยังรวมถึงคุณภาพของโอกาสเหล่านั้นด้วย โดยมีเพียงอิปสวิช ทาวน์ 49 ครั้ง, เซาธ์แธมป์ตัน 44 ครั้ง , เลสเตอร์ ซิตี้ 44 ครั้ง และคริสตัล พาเลซ 38 ครั้ง เท่านั้นที่เผชิญกับโอกาสที่จะโดนทำประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้มากกว่าแมนฯซิตี้ 37 ครั้ง กล่าวง่ายๆคือ ทีมเรือใบสีฟ้า โอกาสจะเสียประตูสูงเป็นอันดับ 5 ของลีก ในขณะนี้อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่โรดรี้ได้รับบาดเจ็บในเกมพบอาร์เซน่อล เมื่อวันที่ 22 กันยายน ซิตี้กลายเป็นทีมที่เผชิญกับโอกาสทำประตูในพรีเมียร์ลีกมากที่สุด 30 ครั้งใน 7 เกม ซึ่งสวนทางกลับลิเวอร์พูล ที่เปิดโอกาสให้คู่แข่งมีโอกาสทำประตูและเปลี่ยนเป็นประตูต่ำที่สุดในพรีเมียร์ลีกเวลานี้
1 ในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทีมเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ ไม่ชนะใครเลยติดต่อกันเป็นเกมที่ 6 รวมทุกรายการ เกิดขึ้นเพราะปัญหานักเตะบาดเจ็บจำนวนมาก เช่นเดียวกับที่ทีมหงส์แดงเคยเจอในฤดูกาล 2020-21 แต่การอาจจะกลับมาของ รูเบน ดิอาซ น่าจะทำให้เกมรับของแมนฯซิตี้ ดีขึ้นและโอกาสแพ้ของพวกเขาน้อยลง เมื่อดูจากสถิติที่ทีมมีกับไม่มีรูเบน ดิอาซ ในพรีเมียร์ลีก ซิตี้ ลงสนามแบบมีรูเบน ดิอาซ 126 เกม ชนะ 96 เสมอ 19 แพ้ 11 เฉลี่ยเสียประตู 0.8 ลูกต่อเกม เปอร์เซนต์ชนะสูงถึง 76.2% เฉลี่ย 2.4 แต้มต่อเกม ในขณะที่ทีมไม่มีรูเบน ดิอาซ 36 เกม ชนะ 22 เสมอ 6 แพ้ 8 เสียประตูเฉลี่ย 1.1 ลูกต่อเกมเปอร์เซนต์ชนะลดลงเหลือ 61.1% เฉลี่ย 2 แต้มต่อเกม เชื่อกันว่าการกลับมายืนบัญชาการในเกมรับของรูเบน ดิอาซ น่าจะช่วยหยุดความร้อนแรงของทีมหงส์แดงได้
ในขณะนี้ ลิเวอร์พูล ดูเหมือนไม่มีจุดอ่อนมากนัก พวกเขาเสียเพียง 8 ประตูจาก 12 เกมในลีก และพ่ายแพ้เพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ ลิเวอร์พูลยังชนะถึง 17 จาก 19 เกมรวมทุกรายการภายใต้การคุมทีมของ อาร์เน่อ สล็อต กุนซือชาวดัตช์ หากจะมองหาจุดที่อาจเป็นความหวังสำหรับแมนฯซิตี้ บางทีอาจเป็นทางฝั่งซ้ายของลิเวอร์พูล เพราะแอนดี้ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายตัวเก่งไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีนัก และในสองเกมล่าสุด โรเบิร์ตสัน ก็ทำให้เสียจุดโทษทั้ง 2 เกม อาจทำให้แมนฯซิตี้ มองเห็นช่องโหว่ในการโจมตีฝั่งนี้ โดยเฉพาะพวกเขามี ซาวินโญ่ แนวรุกทีมชาติบราซิล ที่มีสถิติส่วนตัวดีมากๆ ในบรรดานักเตะที่ลงสนามในพรีเมียร์ลีกมากกว่า 500 นาทีในฤดูกาลนี้ ซาวินโญ่เป็นอันดับ 1 ในด้านการสร้างโอกาสจากโอเพ่นเพลย์ 2.7 ครั้งต่อ 90 นาที เป็นอันดับ 2 ในด้านค่า xA หรือแอสซิสต์คาดหวัง 0.44 ครั้งต่อ 90 นาที และอันดับ 3 ในด้านการเลี้ยงบอลสำเร็จ 3.4 ครั้งต่อ 90 นาที น่าจะเป็นความหวังของลูกทีม ของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในการโจมตีทำลายเกมรับของลิเวอร์พูล
เมื่อแมนฯซิตี้ เสีย โรดรี้ ที่บาดเจ็บและคาดว่าจะต้องพักทั้งฤดูกาล ซึ่งใน 10 เกมพรีเมียร์ลีกที่ไม่มี โรดรี้ ซิตี้ปล่อยให้คู่แข่งมีโอกาสยิง 17 ครั้งจากจังหวะโต้กลับเร็ว เมื่อเทียบกับ 10 เกมล่าสุดที่โรดรี้ลงสนาม ซิตี้ปล่อยให้คู่แข่งยิงเพียง 7 ครั้งจากจังหวะดังกล่าว และมีเพียง 3 ทีมอย่าง เวสต์แฮม, ไบรท์ตัน, คริสตัล พาเลซ เท่านั้น ที่ปล่อยให้คู่แข่งมีโอกาสยิงจากจังหวะโต้กลับมากกว่าแมนฯซิตี้ 14 ครั้ง และมีเพียงแอสตัน วิลล่าและไบรท์ตัน ทีมละ 4 ครั้ง ที่เสียประตูจากจังหวะโต้กลับมากกว่าทีมเรือใบสีฟ้าในฤดูกาลนี้ที่เสียไป 3 ครั้ง ปัญหานี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในเกมที่พวกเขาพ่ายแพ้ยับเยินต่อสเปอร์สเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และในวันอาทิตย์นี้ ลิเวอร์พูลอาจเป็นทีมที่เพิ่มปัญหานี้ให้กับซิตี้อีก โดยทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่มีโอกาสยิงจากจังหวะโต้กลับเร็วมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ 20 ครั้ง เปลี่ยนเป็น 5 ประตู เป็นอันดับ 2 รองจากสเปอร์สทีมเดียวที่ทำได้ 9 ประตู ดังนั้น ซิตี้จำเป็นต้องหาวิธีหยุดเกมโต้กลับของลิเวอร์พูลให้ได้ที่แอนฟิลด์
ที่มา : https://theanalyst.com/2024/11/liverpool-vs-man-city-five-key-areas-that-could-decide-the-game
เดลี่ เมล และ เดอะ ซัน 2 สื่อใหญ่ของอังกฤษ รายงานตรงกันว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เตรียมต่อสัญญาฉบับใหม่กับ แมนฯ ซิตี้ เป็นเวลา 1 ปี พร้อมออปชั่นในการขยายสัญญาเพิ่มอีก 1 ปี ซึ่งสัญญาปัจจุบันของกุนซือวัย 53 ปี จะสิ้นสุดลงเมื่อจบฤดูกาลนี้ ท่ามกลางข่าวลือมากมายว่ากุนซือชาวสเปนจะไม่ต่อสัญญาและออกจากสโมสรไป
สื่อหลายสำนักคาดการณ์กันว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะยุติการทำหน้าที่กุนซืออย่างยิ่งใหญ่ในช่วงสิ้นสุดฤดูกาลนี้ พร้อมกับ ซิกิ เบกิริสไตน์ ผู้อำนวยการกีฬาคนสนิทที่ยืนยันว่าจะอำลาทีม ท่ามกลางกระแสด้านลบที่ถาโถมเข้าใส่แมนฯซิตี้ ทั้ง 115 คดี ที่ทีมเรือใบสีฟ้าต้องเผชิญ บ้างก็ว่าจะโดนตัดแต้มบ้าง บ้างก็ว่าจะโดนตกชั้นบ้าง แต่ถ้าเป็นตามที่ เดลี่ เมล และ เดอะ ซัน รายงานจริงจะทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อยู่คุมทีมเรือใบสีฟ้ายาวนานถึง 10 ปี หากการต่อสัญญาเกิดขึ้นจริง
อย่างไรก็ตาม กุนซือวัย 53ปี เตรียมทำหน้าที่ในถิ่นเอติฮัท สเตเดียม ต่อไปในฤดูกาลหน้า แม้ว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะยังคงพิจารณาการตัดสินใจของเขา โดยแหล่งข่าวอ้างว่าพวกเขาไม่แน่ใจเกี่ยวกับผลลัพธ์เมื่อไม่นานนี้ แต่การพูดคุยเกี่ยวกับอนาคตของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็เปลี่ยนไปอย่างมากในช่วงหลายเดือนแรกของฤดูกาล พัฒนาการดังกล่าวบ่งชี้ว่าเขามีความกระตือรือร้นที่จะดูแลการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญภายในทีมในช่วงซัมเมอร์หน้า
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในวัย 53 ปี ทำผลงานได้อย่างน่าทึ่งกับทีมเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ นับตั้งแต่ย้ายมาในปี 2016 โดยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ 6 สมัยจาก 8 ฤดูกาลเต็มที่เขาคุมทีม และการเป็นคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัยติดครั้งแรกของพรีเมียร์ลีกที่ยังไม่เคยมีใครทำได้ ยุคยิ่งใหญ่ของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กับแมนฯยูไนเต็ด ก็ทำได้เพียงแค่ 3 สมัยติด รวมถึง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังพาแมนฯซิตี้คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย , เอฟเอ คัพ 2 สมัย และ แชมป์สโมสรโลกอีก 1 สมัยด้วย
ที่มา: https://www.pptvhd36.com/sport/news/23698
Opta เว็ปไซต์รวบรวมสถิติฟุตบอลชื่อดัง ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทำนายหาแชมป์พรีเมียร์ลีก โดยใส่ข้อมูล สถิติ ผลแพ้ชนะของแต่ละทีมในพรีเมียร์ลีก โดยการประมวลผลล่าสุดหลังผ่าน 11 เกม ผลปรากฏว่า ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล มีเปอร์เซ็นต์เป็นแชมป์สูงกว่า แมนฯซิตี้ แชมป์เก่า 4 สมัยซ้อน
ด้วยผลงานที่ย่ำแย่แพ้ต่อเนื่อง 4 นัดติดรวมทุกรายการของทีมเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในอาชีพผู้จัดการทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า (ไม่นับการดวลจุดโทษแพ้) ขณะที่แมนฯ ซิตี้ ก็แพ้ติดต่อกัน 4 เกมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2006 ซึ่งในขณะนั้นมีสจวร์ต เพียร์ซเป็นผู้จัดการทีม แต่เป็นการแพ้ในพรีเมียร์ลีก 2 นัดเท่านั้น แต่เป็นความพ่ายแพ้ในลีกสองนัดติด อย่างไม่มีใครคาดคิดในการออกไปเยือนบอร์นมัธและไบรท์ตัน ซึ่งหมายความว่า แมนฯ ซิตี้ แพ้เกมพรีเมียร์ลีกติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023
จากสถานการณ์ในขณะนี้ ซึ่งการที่ แมนฯซิตี้ มีฟอร์มที่ย่ำแย่ ประกอบกับการเริ่มต้นฤดูกาล 2024-25 ที่ยอดเยี่ยมของลิเวอร์พูล ทำให้ทีมของอาร์เน่ สล็อต ขึ้นมาเป็นตัวเต็งแชมป์พรีเมียร์ลีกตามการประเมินของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ Opta เป็นครั้งแรกในฤดูกาลนี้ จากผลงาน 11 นัด ชนะ 9 เสมอ 1 แพ้ 1 ยิง ไป 21 ประตู เสียไปเพียง 6 ประตู มี 28 คะแนน นำเป็นจ่าฝูงตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก โดยมีแชมป์เก่าแมนฯซิตี้ ตามมาห่างๆ 5 คะแนน
หลังจบเกมที่ 11 ของฤดูกาลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมเต็งแชมป์พรีเมียร์ลีก ตามการประเมินของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Opta โดยทีม หงส์แดง มีโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 60.3% จากการจำลองฤดูกาล 10,000 ครั้ง โดยใช้ AI คำนวณ ตัวเลขนี้สูงกว่าโอกาสของแมนฯ ซิตี้ ในปัจจุบันที่อยู่ที่ 34.3% อย่างมาก โดยมีอาร์เซน่อลที่ 5.0% และเชลซีที่ 0.3% ซึ่ง แมนฯ ซิตี้ เคยมีโอกาสสูงถึง 82.2% ในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล ขณะที่ลิเวอร์พูลมีโอกาสเพียง 5.1% ก่อนเริ่มฤดูกาล ซึ่งแสดงถึงผลงานที่ยอดเยี่ยมของอาร์เน่ สล็อต นับตั้งแต่เข้ามารับงานต่อจากเจอร์เก้น คล็อปป์ ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
ลิเวอร์พูลกลายเป็นทีมที่ 12 ที่สามารถเก็บคะแนนได้อย่างน้อย 28 แต้มจาก 11 เกมแรกของฤดูกาลพรีเมียร์ลีก และนี่เป็นการเริ่มต้นฤดูกาลที่ดีที่สุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลลีกของทีมในยุคพรีเมียร์ลีก รองจากฤดูกาล 2019-20 ที่ได้ 31 แต้ม ซึ่งเป็นฤดูกาลที่พวกเขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์สโมสร มาดูกันต่อว่าปลายทางของฤดูกาลนี้ของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล จะจบที่การเป็นแชมป์ตามคำทำนายของซูเปอร์คอมพิวเตอร์หรือไม่
ที่มา : https://theanalyst.com/2024/11/who-will-win-the-premier-league-title-opta-2024-25