JBONEWS เรียกได้ว่าเจอเรื่องให้น่าปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน สำหรับทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ของ มิเกล อาร์เตต้า ที่นอกจากผลงานในพรีเมียร์ลีก 3 เกมหลังจะยังสะกดคำว่าชนะไม่เป็น และแพ้ไปถึง 2 เกม จนสะเทือนการลุ้นแชมป์ตั้งแต่ต้นฤดูกาล ล่าสุดมีรายงานข่าวจากเดลี่ เมล สื่อดังเมืองผู้ดี รายงานว่า เอดู ผู้อำนวยการกีฬาของอาร์เซน่อล เตรียมลาออกจากตำแหน่ง
ทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล หลังหมดยุคของอาร์แซน เวงเกอร์ อดีตกุนซือชาวฝรั่งเศสที่พาทีมประสบความสำเร็จมากมาย ก็ยังไม่เคยเข้าใกล้กับคำว่าแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกเลย นับตั้งแต่ฤดูกาล 2003–04 หรือ 20 ปีมาแล้ว แต่เมื่อ เอดู เข้ามาทำงานเบื้องหลังให้อาร์เซน่อล ในปี 2019 ก่อนจะขยับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการกีฬาของทีมปืนใหญ่ ยักษ์หลับจากลอนดอน ก็ได้ขึ้นมาท้าทายอำนาจของแมนฯซิตี้รวมถึงลิเวอร์พูล ที่แย่งแชมป์กันสนุกตลอด 3 ฤดูกาลหลังสุด
1 ในปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาร์เซน่อล กลับมาเป็นทีมลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัว คือการทำงานที่ใกล้ชิด เข้าขารู้ใจระหว่าง 2 อดีตนักเตะอาร์เซน่อล ทั้ง มิเกล อาร์เตต้า ผู้เป็นกุนซือ และ เอดู ผู้อำนวยการกีฬาของทีม แม้สมัยเป็นนักเตะจะเล่นไม่ทันกันที่อาร์เซน่อล แต่ภาษาฟุตบอลของทั้งคู่ต่อติด เข้าใจภาษาเดียวกัน โดยเฉพาะการซื้อขายนักเตะ โดยดีลสำคัญ คือ มาร์ติน โอเดการ์ด กัปตันทีมคนปัจจุบัน และ ดีแคลน ไรซ์ กองกลางทีมชาติอังกฤษ ก็คือผลงานของ เอดู ร่วมกับ มิเกล อาร์เตต้า รวมถึงดูแลการปล่อยนักเตะที่ไม่อยู่ในแผนการทำทีม พวกที่มีปัญหานอกสนามและทัศนคติต่อฟุตบอลที่ไม่สอดคล้องกัน เช่น ปิแอร์ เอมาริค โอบาเมยัง , เมซุต โอซิล ฯลฯ
แม้เขาจะได้รับเครดิตมากมายในโปรเจคฟื้นฟูอาร์เซน่อล ให้กลับมาเป็นทีมลุ้นแชมป์ แต่เดลี่ เมล รายงานว่า เอดู ในวัย 46 ปี ได้ตัดสินใจที่จะลาออกจากตำแหน่งด้วยตัวเอง ซึ่งเหตุผลในการลาออกยังไม่ชัดเจน เช่นเดียวกับกรอบเวลาในการลาออก แต่มีการย้ำว่าการตัดสินใจลาออกนี้เป็นการตัดสินใจของ เอดู เอง ไม่ใช่บอร์ดอาร์เซนอลที่ตัดความสัมพันธ์กับเขา โดยมีการเข้าใจว่ามีการปรับโครงสร้างผู้บริหารในอาร์เซน่อล ซึ่งอาจส่งผลให้หน้าที่ความรับผิดชอบของ เอดู ที่จะเปลี่ยนไป ทั้งนี้ เอดู เคยเป็นนักเตะของอาร์เซน่อล ภายใต้การคุมทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ ในช่วงฤดูกาล 2001-2004 และกลายเป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลเดอะกันเนอร์ เมื่อเขากลับมาสโมสรอีกครั้งในตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬา ก็ได้รับคำชื่นชมอย่างมากจากการสนับสนุน มิเกล อาร์เตต้า อย่างแน่วแน่ในการไล่ล่าความสำเร็จร่วมกัน
ที่มา : https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-14037425/Arsenal-sporting-director-Edu-LEAVING-club-major-blow-Mikel-Arteta-loses-key-ally-masterminded-transformation-signed-Martin-Odegaard-Declan-Rice.htm
JBONEWS - ถ้าจะพูดถึงทีมที่จะลุ้นแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกกับทีมเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้ หนีไม่พ้นอีก 2 ทีม ที่ขับเคี่ยวแย่งแชมป์ตลอด 2-3 ปีหลัง คือทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล และทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ปัจจัยที่จะทำให้พวกเขายังคงอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ ก็มีผลการแข่งขัน รูปแบบ สไตล์การเล่น รวมถึงปัญหาอาการบาดเจ็บของนักเตะ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ทีมที่เจอปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนก็คือ ลูกทีมของมิเกล อาร์เตต้า
โดยสุดสัปดาห์นี้ ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล จะลงทำศึกนอร์ท ลอนดอน ดาร์บี้ กับไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮอท สเปอร์ส อริร่วมกรุง เจอกันเมื่อไหร่ใส่กันสุด ไม่มีใครยอมใคร ส่วนความพร้อมของทีมปืนใหญ่ เรียกได้ว่าพวกเขาเกิดวิกฤติในแผงมิดฟิลด์ หลัง มาร์ติน โอเดการ์ด กัปตันทีม คือ กองกลางรายล่าสุดที่ได้รับบาดเจ็บ หลังจากข้อเท้าพลิกและต้องถูกหามออกในเกมรับใช้ทีมชาตินอร์เวย์ ที่ชนะออสเตรีย 2-1 ในศึกฟุตบอลยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ล่าสุด โอลา แซนด์ แพทย์ประจำทีมชาตินอร์เวย์ เผยว่า มาร์ติน โอเดการ์ด ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องแตกหักที่ข้อเท้า คาดว่าอาจจะต้องพักรักษาอย่างน้อย 3 สัปดาห์ ซึ่งหมายถึงการพลาดเกมพรีเมียร์ลีก กับ สเปอร์ส , ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ อตาลันต้า รวมทั้งเกมกับแมนฯซิตี้ ในพรีเมียร์ลีก แพทย์ทีมชาตินอร์เวย์ เผยว่า “อาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ หากเร็วกว่านั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี” พร้อมระบุว่าจากนี้ไปจะเป็นการประเมินโดยทีมแพทย์ของอาร์เซน่อลแบบวันต่อวัน “สิ่งที่เราได้รับจากการ เอ็มอาร์ไอ ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องของการแตกหัก มันเป็นเรื่องที่ยากที่จะประเมินผลจากเอ็มอาร์ไอ เนื่องจากนักเตะมีอาการบาดเจ็บแบบนี้มาก่อน แต่ถ้ามีเรื่องของการแตกร้าวอาจจะต้องพักราว 6 สัปดาห์ขึ้นไป”
เรียกว่าเป็นข่าวร้ายซ้ำเติมลูกทีมของมิเกล อาร์เตต้า หลังก่อนหน้านี้ มิเกล เมริโน่ กองกลางตัวใหม่ที่ย้ายมาจากเรอัล โซเซียดาด ได้รับบาดเจ็บไหล่ตั้งแต่ลงซ้อมครั้งแรก คาดการณ์กันว่าต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บอย่างน้อย 2 เดือน และในเกมพรีเมียร์ลีก เกมล่าสุดที่อาร์เซน่อล เสมอกับไบร์ทตัน 1-1 เดแคลน ไรซ์ ก็โดนใบแดงจากข้อหาถ่วงเวลา ก็จะไม่ได้ลงสนามในเกมนี้ และการปล่อยเอมิล สมิธ โรว์ ไปฟูแล่ม และปล่อยยืมฟาบิโอ วิเอร่า ไปอยู่ปอร์โต้ ทำให้พวกเขาเหลือกองกลางให้เลือกใช้ 2 คนคือ จอร์จินโญ่ กับ โธมัส ปาร์เตย์
โธมัส ปาร์เตย์และจอร์จินโญ่ เป็น 2 กองกลางที่พร้อมให้ มิเกล อาร์เตต้า เลือกใช้ ทั้งคู่เก๋าพอที่จะลงเล่นเกมระดับนี้ และทั้งคู่อาจเป็นแนวทางที่ชัดเจนที่สุด แต่ย้อนดูสถิติของระบบ 4-3-3 ที่กุนซือใหญ่วัย 42 ปี ไม่เคยใช้กองกลางตัวรับลงพร้อมกัน 2 คน ทั้งคู่ไม่เคยลงเล่นในตำแหน่งกองกลางร่วมกันมาก่อน ทั้งคู่ลงเล่นเป็นตัวจริงในพรีเมียร์ลีกให้กับอาร์เซน่อลไปแล้ว 98 นัด แต่ลงเล่นร่วมกันเพียง 2 นัดเท่านั้น โดยทั้ง 2 นัด โธมัส ปาร์เตย์ลงเล่นในตำแหน่งแบ็กขวา ในช่วงปลายฤดูกาล 2022-23 และในระบบ 4-3-3 ของอาร์เตต้า ถ้าเลือกตัวรับธรรมชาติลงได้คนเดียวโธมัส ปาร์เตย์ น่าจะเป็นตัวเลือกแรก เนื่องจาก 3 นัดในลีกที่ผ่านมาเขาลงเป็นตัวจริงและเล่นครบ 90 นาทีทั้ง 3 นัดและยิงได้ 1 ประตู แต่แดนกลางยังเหลือช่องว่างที่มาร์ติน โอเดการ์ด และ เดแคลน ไรซ์ ทิ้งเอาไว้
โดยสื่อคาดการณ์กันว่า มิเกล อาร์เตต้า น่าจะขยับไค ฮาแวร์ต หรือ เลอันโดร ทอร์สซาร์ ลงมาเชื่อมเกมในแดนกลาง แม้กระทั่งอาจจะขยับกองหลังอย่างโอเลกซานเดอร์ ซินเชนโก้ หรือ ยูเลี่ยน ทิมเบอร์ ขึ้นมาเล่นกองกลางซึ่งมีให้เห็นบ่อยๆ ในช่วงหลังกับ อินเวิร์ทฟลูแบ็ค ของซินเชนโก้ หรือจะเป็นดาวรุ่งวัย 17 อิธาน เอ็นวาเนรี่ ที่โชว์ผลงานได้ดีในช่วงพรีซีซั่น แต่ยังไม่มีโอกาสได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีก และการปล่อยทั้ง เอมิล สมิธ โรว์ และ ฟาบิโอ วิเอร่า ออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ น่าจะถึงเวลาของ อิธาน เอ็นวาเนรี่ การส่งเจ้าหนูวัย 17 ปี ลงสนามตัวจริงในเกมนอร์ท ลอนดอน ดาร์บี้ กับสเปอร์ส มันคงเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ มีเพียง มิเกล อาร์เตต้า และทีมงานสตาฟฟ์เท่านั้นที่จะรู้ว่า อิธาน เอ็นวาเนรี่ พร้อมลงสนามแล้วหรือไม่ มารอดูกึ๋นของกุนซือใหญ่ชาวสเปน มิเกล อาร์เตต้า
ที่มา : https://theanalyst.com/eu/2024/09/arsenal-midfield-tottenham-north-london-derby
https://www.bbc.com/sport/football/articles/c74l2r97l78o
#JBO #เบอร์บาตอฟ #GoodGameLiveBetter #YouWinIWin #JBOVIP
JBONEWS หลังจบศึกการกุศล คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ที่ทีมเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ ยิงจุดโทษเอาชนะอริร่วมเมืองอย่างทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด ไปได้ซึ่งเป็นแชมป์สมัยที่ 7 ของพวกเขา เป็นสัญญานว่าลีกสูงสุดของเกาะอังกฤษ อย่างศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลใหม่ 2024-25 กำลังจะเริ่มเปิดฉากลั่นกลองรบกันแล้วในสุดสัปดาห์นี้ เริ่มกันที่คู่แรกคืนวันศุกร์ เวลาตี 2 ตามเวลาประเทศไทย แมนฯยูไนเต็ด จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ ฟูแล่ม
หลังจากทีมเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ 4 สมัยติดต่อกัน ทำลายสถิติแชมป์ 3 สมัยซ้อนของแมนฯยูไนเต็ด ในยุคสมัยของท่านเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ลงไปแบบราบคาบด้วยมาตรฐานสูง ยากที่ทีมไหนจะต่อกร จึงมีการพูดกันว่าทีมที่จะลุ้นแชมป์ต้องมีอย่างน้อยกี่คะแนน พวกเขาถึงจะก้าวไปเป็นแชมป์ โดย 4 สมัยล่าสุดของซิตี้มีคะแนนดังนี้2020-21 86 คะแนน , 2021-22 93 คะแนน , 2022-23 89 คะแนน และฤดูกาลล่าสุด 2023-24 ซิตี้จบที่ 91 คะแนน
ทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล คือผู้ท้าชิงเบอร์ 1 ตลอด 2 ฤดูกาลหลัง แม้พวกเขาจะดีแค่ไหนแต่ก็ยังไม่พอในการก้าวไปเป็นแชมป์ในบั้นปลาย ซึ่งมิเกล อาร์เตต้า บอกว่าทีมของพวกเขาต้องสมบูรณ์แบบจริงๆ ถึงจะโค่นแมนฯซิตี้ ได้ โดยผู้สื่อข่าวถามถึงเป้าหมายในฤดูกาลนี้ของกุนซืออาร์เซน่อล มิเกล อาร์เตต้า ก็บอกแบบติดตลกว่า เป้าหมายของเขาคือ 114 คะแนน ถ้าเราทำได้ เราคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแน่นอน นี่คือเป้าหมายของเรา
แน่นอนว่า มิเกล อาร์เตต้า ตอบแบบทีเล่นทีจริง ซึ่งยังไม่มีทีมใดในพรีเมียร์ลีก ที่ชนะการแข่งขันทั้ง 38 นัด ในฤดูกาลเดียว มีเพียงทีมเดียวเท่านั้นที่สามารถทำคะแนนได้ถึง 100 คะแนน คือ แมนฯซิตี้ ในฤดูกาล 2017/18 เมื่อพวกเขาชนะ 32 นัด เสมอ 4 นัด และแพ้ 2 นัด คว้าแชมป์ด้วยคะแนนทิ้งห่างอันดับ 2 ถึง 19 คะแนน และทีมที่ทำคะแนนมากที่สุด แต่ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้คือ 97 คะแนน ซึ่งลิเวอร์พูลทำได้ในฤดูกาล 2018-19 ทีมหงส์แดง จบเป็นรองแชมป์แต้มตามหลังแชมป์อย่างแมนฯซิตี้ เพียง 1 คะแนนเท่านั้น ดังนั้น ประวัติศาสตร์ชี้ให้เห็นว่า คะแนนที่ต่ำกว่า 100 คะแนนน่าจะเพียงพอที่จะคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ ข้อมูลจากพรีเมียร์ลีกทั้งหมด 32 ฤดูกาลที่ผ่านมา รวมถึงสามฤดูกาลแรกที่สโมสรเล่นกัน 42 นัดต่อฤดูกาล มีเพียงสองครั้งที่ทีมคว้าแชมป์ด้วยคะแนนต่ำกว่า 80 คะแนน คือทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 1996-97 และ 1998-99 ดังนั้นคะแนนต่ำกว่า 80 คะแนน น่าจะไม่เพียงพอในพรีเมียร์ลีกยุคปัจจุบัน คะแนนเฉลี่ยของทีมแชมป์ในยุคพรีเมียร์ลีกอยู่ที่ 87.8 คะแนน
นับตั้งแต่ฤดูกาล 2016-17 เมื่อเป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามารับงานคุมทีมแมนฯซิตี้ คะแนนเฉลี่ยพุ่งขึ้นเป็น 93.6 คะแนน โดยมีการลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 90.0 คะแนนในสองฤดูกาลหลัง ซึ่งเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังคงสนุกและยังตื่นเต้นและยังต้องการเป็นแชมป์สมัยที่ 5 ติดต่อกัน ทำลายแล้วทำลายอีก เรียกได้ว่าไร้เทียมทาน
โดยสถิติฤดูกาลที่มีคะแนนสูงสุด 5 อันดับแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก
มาลุ้นกันว่าทีมใดจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้และทำได้กี่คะแนน โดยบ่อนพนันถูกกฎหมายหลายๆ สำนักต่างมองแมนฯซิตี้ ยังคงเป็นเต็ง 1 และอาร์เซน่อล เป็นเต็ง 2 ที่เป็นผู้ท้าชิงเบอร์ 1 ตามมาด้วยลิเวอร์พูล,เชลซี,แมนฯยูไนเต็ด และสเปอร์ส เป็นเต็ง 3-6 ตามลำดับ
ที่มา: https://www.premierleague.com/news/4076323
#JBO #เบอร์บาตอฟ #GoodGameLiveBetter #YouWinIWin #JBOVIP
นับเป็นฤดูกาลที่ 2 ที่ทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ภายใต้การคุมทีมของมิเกล อาร์เตต้า ก้าวขึ้นมาท้าทายอำนาจของทีมเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า และทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ของเจอร์เก้น คล็อปป์ เรียกได้ว่าเป็นม้าตัวที่ 3 ที่ขึ้นมาขับเคี่ยวลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก แบบหายใจรดต้นคอ นอกจากระบบการเล่นที่มิเกล อาร์เตต้า ใส่เข้าไปในวิธีการเล่นของลูกทีมแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ติดปีกบินสูง มาจากลูกเซตพีช ที่มีวิธีเข้าทำที่หลากหลายและเป็นเต้ยของพรีเมียร์ลีกในขณะนี้
ปัจจุบัน ทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ฤดูกาล 2023-24 ได้ประตูจากลูกเตะมุมเทียบเท่าสถิติต่อฤดูกาล ตลอดกาลพรีเมียร์ลีก ของเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ที่เคยทำได้ในฤดูกาล 2016-17 และโอลด์แฮม ทำได้ฤดูกาล 1992-93 ที่ 16 ประตู ซึ่งทีมปืนใหญ่อาร์เซน่อล ยังเหลือเกมในมือที่จะทำสถิติแซงทั้งเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยนและโอลด์แฮม
นิโคลัส โยเวอร์ คือใคร โค้ชหนุ่มวัย 42 ปีชาวเยอรมัน เริ่มอาชีพของเขาเป็นนักวิเคราะห์วิดีโอของทีมมงต์เปลลิเยร์ ในฝรั่งเศส ก่อนจะมารับงานแรกในอังกฤษเป็นทีมสต๊าฟฟ์โค้ชให้เบรนท์ฟอร์ด ปี 2016 ก่อนจะมีส่วนพาเบรนท์ฟอร์ด เลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีก ในปี 2019 และในขณะนั้นทีมเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องการหาโค้ชลูกเซตพีช และนิโคลัส โยเวอร์ ก็ตอบตกลง รับงานนี้ ก่อนจะได้เจอกับมิเกล อาร์เตต้า ที่เป็นผู้ช่วยของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในขณะนั้น แต่ก็ทำงานร่วมกันได้เพียงแค่ 6 เดือนก่อนที่มิเกล อาร์เตต้า จะออกไปรับงานใหญ่เป็นกุนซือใหญ่ของทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ฤดูกาล 2019-20 เป็นฤดูกาลแรกของ นิโคลัส โยเวอร์ มาเป็นโค้ชเซตพีช ให้ซิตี้ โดยงานของโยเวอร์ ส่งผลในทางบวกชัดเจนให้กับแมนฯซิตี้ ฤดูกาล 2018-19 ก่อนนิโคลัส โยเวอร์ เข้ามาทำงานตรงนี้ แมนฯซิตี้ ได้ประตูจากลูกเซตพีช อยู่อันดับ 10 ของพรีเมียร์ลีก ที่ 11 ประตู และเสียประตูจากลูกเซตพีช คิดเป็นเปอร์เซนต์จากโอกาสทั้งหมดสูงถึง 39% และหลังจาก นิโคลัส โยเวอร์ เข้ามาโค้ช พวกเขาเสียประตูลดลงเหลือ 20% ในฤดูกาลแรก ก่อนจะขยับเหลือ 16% ในฤดูกาลที่ 3 ที่เขาโค้ชให้กับนักเตะแมนฯซิตี้ ขณะที่การได้ประตูจากลูกเซตพีชก็เพิ่มสูงขึ้นขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 1 ของพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลถัดมาทันที ได้ 17 ประตูจากลูกเซตพีช
มิเกล อาร์เตต้า เชื่อในฝีมือและความสามารถของ นิโคลัส โยเวอร์ เป็นอย่างดี หลังเซ็นสัญญาดึง นิโคลัส โยเวอร์ มาร่วมงานกันที่อาร์เซน่อลอีกครั้ง มิเกล อาร์เตต้า เผยว่า เราต้องการใครสักคนที่เชี่ยวชาญในลูกเซตพีช ผมรู้จักนิโคลัส โยเวอร์ มาก่อน แล้วขอให้เขามาร่วมโปรเจคในการสร้างอาร์เซน่อล และเขาก็สร้างอิมแพคให้กับเรา และสิ่งที่ นิโคลัส โยเวอร์ ตอบแทนความไว้ใจให้กับมิเกล อาร์เตต้า ก็คือผลงานที่ชัดเจนขึ้นทันตาเห็น Opta เว็ปไซต์เก็บสถิติฟุตบอลชื่อดัง เผยว่านับตั้งแต่ นิโคลัส โยเวอร์ มารับงานนี้ อาร์เซน่อล ได้ประตูจากลูกเตะมุมมากที่สุดใน 5 ลีกหลักของยุโรป โดยทำไป 42 ประตูจาก 111 เกม ก่อนหน้า 111 เกมที่ว่า อาร์เซน่อลจะได้ประตูจากลูกเตะมุม 32 ครั้งต่อ 1 ประตู แต่การมาของ โยเวอร์ ทำให้อาร์เซน่อลได้ประตูจากลูกเตะมุมเฉลี่ย 16 ครั้ง จะเปลี่ยนเป็น 1 ประตู ซึ่งดีขึ้นจากเดิมถึง 2 เท่า ซึ่งไม่น่าแปลกใจที่ตอนนี้อาร์เซน่อลมีสถิติได้ประตูจากลูกเตะมุมมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก
ก่อนการมาของ นิโคลัส โยเวอร์ อาร์เซน่อลอยู่ที่ 18 ของทีมในพรีเมียร์ลีกที่ได้ประตูจากลูกเซตพีช จากนั้นอัตราการได้ประตูจากลูกเซตพีชหลังการทำงานของ โยเวอร์ ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ กระโดดขึ้นมาอยู่ที่ 3 และ 4 ใน 2 ฤดูกาลถัดมา ก็จะกระโดดขึ้นมารั้งอันดับ 1 ของพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ เปอร์เซนต์การได้ประตูเพิ่มขึ้นและเปอร์เซนต์การเสียประตูลดลง เรียกว่าสร้างผลกระทบโดยรวมไปในทิศทางบวกอย่างชัดเจน เหล่านักเตะปืนใหญ่ ต่างก็ออกมาชื่นชม โค้ชเซตพีชของพวกเขา เลอันโดร ทอร์สซาร์ด บอกว่า รู้สึกยินดีมากที่ได้ร่วมงานกับโยเวอร์ มันเป็นส่วนที่ยอดเยี่ยมมากๆ เขาเป็นอัจฉริยะของลูกเซตพีช มันช่วยเราได้มากจริงๆ เช่นเดียวกับ บูกาโย่ ซาก้า แนวรุกทีมชาติอังกฤษ ที่บอกว่า เราทำงานกันเยอะมาก ก่อนหน้านี้ลูกเซตพีชเราแย่มาก นิโคลัส โยเวอร์ เขามาติวเข้มพวกเรา เขาทำงานของเขาได้ดีมากและสิ่งที่เขาทำมันได้ผล พวกเราจะทำมันต่อไป เรียกว่าได้ทั้งใจกุนซือใหญ่อย่างมิเกล อาร์เตต้า และได้ใจนักเตะ ไม่เว้นแม้กระทั่งแฟนบอลของพวกเขา ต้องมาดูกันว่าปลายทางของทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล จะจบด้วยความสมหวังคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้หรือไม่ แต่ 1 ในอาวุธสำคัญที่ทำให้ผลงานพวกเขาโดดเด่นคือ ลูกเซตพีช ที่มีชายที่ชื่อ นิโคลัส โยเวอร์ คอยติวเข้ม
ที่มา : https://www.premierleague.com/news/3990121
โค้งสุดท้ายของการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก เรียกได้ว่าเข้มข้นสุดๆ 3 ทีมลุ้นแชมป์ อย่าง อาร์เซน่อล,แมนฯซิตี้ และลิเวอร์พูล ต่างสลับกันขึ้นน่าฝูง และยังมีลุ้นอยู่ทั้ง 3 ทีมจนถึงนัดสุดท้าย ทีมไหนเพลี้ยงพล่ำ พลาดท่า อาจจะหลุดวงโคจร ในทันที แต่ถ้าพูดถึงนักเตะที่มีส่วนช่วยให้ทีมยกระดับขึ้นจากดีอยู่แล้วให้ทีมดีกว่าเดิม 1 ในนั้น หนีไม่พ้น เดแคลน ไรซ์ ที่ย้ายมาร่วมทีมอาร์เซน่อล นั้นเอง
เดแคลน ไรซ์ เป็นข้อพิสูจน์ว่า ไม่สำคัญว่าคุณจะจ่ายไปมากเท่าไหร่ หากประสบความสำเร็จเงินที่จ่ายไปยังไงก็ถือว่าคุ้มค่า โดย เดแคลน ไรซ์ ย้ายจากทีมขุนค้อน เวสต์แฮม มาอยู่กับทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ด้วยค่าตัว 100 ล้านปอนด์ บวกแอดออนอีก 5 ล้านปอนด์ ทำสถิติเป็นผู้เล่นที่มีค่าตัวแพงที่สุดเป็นอับดับ 7 ของวงการลูกหนังโลกตลอดกาล และในพรีเมียร์ลีก เดแคลน ไรซ์ ค่าตัวเป็นรองเพียงแค่ เอ็นโซ เฟอร์นันเดซ ของเชลซี ที่ 107 ล้านปอนด์ คนเดียวเท่านั้น
ค่าธรรมเนียมการย้ายตัวที่สูงมากจนเกินไป เป็นดาบ 2 คม 1 ชื่นชมในความยอดเยี่ยมและได้นักเตะที่หมายตา กับ 2 ความกดดันที่ถาโถมเข้ามา นักเตะอย่างเฟร์นานโด ตอร์เรส ที่ยิงกระจายให้ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล แต่พอย้ายไปเชลซี ด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ ต้องเจอกับความยากลำบากทั้งความคาดหวังของแฟนบอลสิงห์บูล และความกดดันจากผลงาน ก็ไม่ประสบความสำเร็จเชลซี รวมไปถึงพอล ป็อกบา ที่ย้ายกลับมาบ้านเกิดอย่างทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด อีกครั้ง ด้วยค่าตัว สูงถึง 86 ล้านปอนด์ ก็เล่นได้ไม่คุ้มกับที่จ่ายไป รวมถึงพฤติกรรมนอกสนาม ก็ยิ่งส่งผลทำให้เจ้าตัวล้มเหลวกับแมนฯ ยูไนเต็ด
เดแคลน ไรซ์ เข้ามาช่วยเปลี่ยนแปลงอาร์เซน่อล ด้วยความสามารถรอบด้านของเขา ที่นอกเหนือไปจากหน้าที่ของกองกลางตัวรับ เดแคลน ไรซ์ พลาดโอกาสลงสนามเพียงเกมเดียวในพรีเมียร์ลีก ยิงได้ถึง 6 ประตู และแอสซิสต์ไปให้เพื่อนถึง 7 ครั้ง เรียกได้ว่าครบเครื่องจริงๆ ดูจาก Heat map ในภาพประกอบจะเห็นได้ว่า เดแคลน ไรซ์ เคลื่อนที่ไปทั่วสนามเพื่อสนับสนุนทั้งเกมรับและเกมรุกของอาร์เซน่อล
แม้ว่าตำแหน่งที่คนส่วนใหญ่จะมองว่า เดแคลน ไรซ์ เป็นนักเตะหมายเลข 6 หรือมิดฟิลด์ตัวรับ แต่สไตล์การครองบอลและการเคลื่อนเกม ไรซ์ เป็นมากกว่านั้น เมื่อมิเกล อาร์เตต้า จับมิดฟิลด์ทีมชาติอิตาลีอย่าง จอร์จินโญ่ เล่นเป็นกองกลางตัวลึก และขยับ เดแคลน ไรซ์ ขึ้นและให้อิสระในการเล่นมากขึ้น เรียกว่าสอดประสานกันลงตัวสุดๆ เรียกได้ว่า ไรซ์ เล่นตำแหน่งเบอร์ 8 ได้อย่างไม่เคอะเขิน เป็นบ็อกซ์ทูบ็อกซ์ ที่ขึ้นลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
25 เกมแรกในพรีเมียร์ลีก สถิติจาก Opta ชี้ว่า เดแคลน ไรซ์ สัมผัสบอลในกรอบเขตโทษฝ่ายตรงข้าม เพียง 23 ครั้งเท่านั้น และที่สำคัญ 6 ครั้งในนั้นเกิดขึ้นในเกมเดียวที่พวกเขาเจอกับไบรท์ตันในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เฉลี่ยไม่ถึง 1 ครั้งต่อเกม แต่ 9 นัดหลังสุด เดแคลน ไรซ์ สัมผัสบอลในกรอบเขตโทษคู่ต่อสู้ถึง 33 ครั้ง เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 3.7 ครั้งต่อเกม เดแคลน ไรซ์ ยังมีสถิติพาบอลขึ้นหน้าเปลี่ยนจากรับเป็นรุกได้อย่างรวดเร็ว และอยู่ในอันดับต้นๆ ของลีกที่ไม่ใช่กองหลัง รวมถึงรับหน้าที่เตะมุม ในบรรดานักเตะที่เปิดลูกเตะมุมมากกว่า 15 ครั้งขึ้นไป เดแคลน ไรซ์ มีค่าเฉลี่ยแอสซิสต์ต่อประตู 0.04 ต่อลูกเตะมุม สร้างสรรค์โอกาสเป็นประตูเป็นอันดับ 9 ของพรีเมียร์ลีก สำหรับค่า xA ทั้งหมดจากลูกเตะมุม 3 จาก 37 ลูกเตะมุมของเขานำไปสู่ประตู (8.1%) โดยมีผู้เล่นเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีอัตราที่ดีกว่า
เดแคลน ไรซ์ เปลี่ยนโฉมหน้าทีมปืนใหญ่ไปอย่างสิ้นเชิง
การเซ็นสัญญากับเดแคลน ไรซ์ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ และไม่ว่าพวกเขาจะก้าวไปชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก ที่พวกเขารอคอยเกือบ 20 ปีได้หรือไม่ก็ตาม การได้ตัว เดแคลน ไรซ์ มาในราคาสูงถึง 105 ล้านปอนด์ คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม และด้วยวัยเพียง 25 ปี อาร์เซน่อลภายใต้การคุมเกมแดนกลางของ เดแคลน ไรซ์ และมันสมองของมิเกล อาร์เตต้า น่าจะยืนระยะในการลุ้นแชมป์ได้อย่างน้อย 3-4 ปี
ที่มา: https://theanalyst.com/eu/2024/04/declan-rice-arsenals-105m-signing-who-has-proved-priceless/
หลังเกมแข่งขันรายการสำคัญของอังกฤษทางด้าน วิลเลียม ซาลิบา กองหลังชาวเฟรนซ์ออกมาพูดถึงเรื่องราวการทำงานของทุกคนว่า เกมนี้เป็นเกมที่กดดันอย่างมาก แต่ทุกคนผ่านมาได้เพราะมี อารอน แรมส์เดล คอยปลุกกำลังใจให้ทุกคนกล้าเล่นมากขึ้น รวมถึงมองไกลถึงตำแหน่งผู้ชนะได้อย่างง่ายดาย ทั้งนี้มองว่าการทำงานของเขากับทีมตอนนี้แฮปปี้สุด ๆ รวมถึงพร้อมลุยเต็มที่ในเกมที่เหลือเช่นกัน
เกมที่ผ่านมา มิเกล อาร์เตต้า ตัดสินใจวางตัวแข้งตัวหลักของทีมลงเล่นอีกครั้ง หลังจากเจ้าตัวทำผลงานยอดเยี่ยม และน่าประทับใจอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ซึ่งเกมนี้ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีส่วนร่วมกับประตูที่ 2 ประตูมากนัก แต่เกมนี้เขาเป็นอีกหนึ่งคนที่ช่วยให้ทีมมีโอกาสเก็บชัยชนะเหนือคู่แข่งได้สบาย ๆ แม้ว่าช่วงแรกจะเต็มไปด้วยความกดดันมากแค่ไหนก็ตาม
เกมที่ผ่านมา เดอะ กันเนอร์ส ลงสนามแข่งขันเจอกับ เบรนท์ฟอร์ด ทีมดังร่วมลีก และในซีซั่นนี้แม้ว่าจะไม่ได้มีฟอร์มหวือหวาเหมือนช่วงที่ขึ้นมายังเวทีสูงสุดของเมืองผู้ดีใหม่ ๆ แต่จนถึงตอนนี้ยังเป็นอีกหนึ่งทีมที่มีผลงานน่าพอใจ และทำให้คู่แข่งหนักใจกันพอสมควร เพราะหลายครั้งพวกเขาสร้างความปั่นป่วนให้คู่แข่งได้ดี จนทีมใหญ่ ๆ บางทีมเกือบเอาตัวไม่รอดในระหว่างดวลกับพวกเขา
ทั้งนี้แม้ว่าเกมนี้เขาจะมีผลงานยอดเยี่ยมและน่าประทับใจ แต่ในเกมที่ผ่านมาเขาเป็นคนที่ทำให้เจอกับปัญหา เมื่อเปิดช่องให้คู่แข่งได้ประตู และเกือบพาทีมจบเกมด้วยผลเสมอเท่านั้น จากนั้นหลังจากเข้าสู่ช่วงพักครึ่งแรกเขาแก้ตัวได้ดี และสุดท้ายช่วยเหลือทีมคว้าชัยชนะมาครอง ส่งผลดีต่อการมองไกลถึงตำแหน่งแชมป์รายการสำคัญอย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นทางการอย่างดี
ทั้งนี้หลังเกมจบลงทางด้านกองหลังวัย 22 ปี จากฝรั่งเศสเปิดใจว่า “เกมนี้ผมขอบคุณ แรมส์เดล ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ผมและทุกคนกลับมา ทุกคนต่างรู้ดีว่าการเจอกับสถานการณ์ที่กดดัน และยิ่งผมเป็นคนทำให้ทีมเจอความยากลำบาก ยิ่งทำให้ความรู้สึกเฟลมากขึ้นตามไปด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ตามหลังจากนี้เราจะต้องรอลุ้นกันต่อว่าสุดท้ายการทำงานของเราจะเป็นไปตามที่ทุกคนคาดหวังเอาไว้หรือไม่”
ทั้งนี้จากความผิดพลาดของ ซาลิบา ในเกมที่ผ่านมาน่าจะเป็นบทเรียนที่ดีให้กับเขาไม่น้อย เพราะตอนนี้สถานการณ์โดยรวมของทีมคือทุกคนต้องการเพิ่มโอกาสให้ทีมมีแนวโน้มไปได้ไกลทุกรายการแข่งขัน เมื่อตอนนี้ ปืนใหญ่ ได้ชื่อว่าเป็นทีมที่มีสิทธิ์ลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้สูงมาก
ที่มา: https://www.goal.com/en/lists/william-saliba-motivational-talk-aaron-ramsdale-arsenal-goalkeeper-brentford/blt4d0731b002b3e389#csc1a8c8965c07d474
สโมสรนครปฐม ซิตี้ ประกาศความร่วมมือกับ JBO Thailand และ You Win I Win แบรนด์น้ำดื่มชั้นนำ ต่อไปอีกหนึ่งฤดูกาล โดย JBO Thailand จะปรากฏบนเสื้อแข่งของสโมสรในทุกแมตช์การแข่งขันและฝึกซ้อมตลอดฤดูกาล 2024/25
นายณพวีร์ ภักดีประดับ รองประธานสโมสรนครปฐม ซิตี้ กล่าวว่า "รู้สึกยินดีและขอบคุณ JBO Thailand ที่เลือกให้สโมสรของเราเป็นตัวแทนในการประชาสัมพันธ์ และรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ร่วมมือกันในการออกแบบกิจกรรมและมอบรางวัลสุดพิเศษให้กับแฟนคลับของสโมสรนครปฐม ซิตี้ทุกท่าน"
เตรียมความพร้อมเต็มที่เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในรายการไทยแลนด์ อเมเจอร์ลีก (Thailand Amateur League)
ร่วมเชียร์นครปฐม ซิตี้ สู่ชัยชนะในฤดูกาล 2024/25!
ที่มา: https://www.facebook.com/wearemuangchediyai
#JBO #JBOThailand #ดิมิทาร์เบอร์บาตอฟ #เบอร์บาตอฟ #JBOxBerbatov #JBOที่เดียวที่คุณจะชนะ #สุดยอดเกมส์ชีวิตสุดมันส์ #ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ #goodgamelivebetter #youwiniwin #EURO2024 #ข่าวบอล #Euro2024xJBO #ยูโร2024 #Euro2024
ข่าวร้ายครั้งล่าสุดของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเจ้าตัวมีอาการบาดเจ็บระหว่างช่วย อาร์เซนอล ว่าชัยชนะเหนือคู่แข่งในศึกสูงสุดของเมืองผู้ดี โดยเบื้องต้นต้องรอดูกันว่าทางแพทย์ที่ดูแลอาการบาดเจ็บของเขาจะมีความเห็นอย่างไร และอาการบาดเจ็บของเขาครั้งนี้จะรุนแรงจนทำให้เขาต้องใช้เวลาพักยาวเป็นเดือนหรือเปล่า ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเบื้องต้นทำให้แฟนบอลหลายคนของ เดอะ กันเนอร์ หนักใจไปตามกัน
ในเวลานี้ทุกคนรู้เพียงแค่ว่าเจ้าตัวมีอาการบาดเจ็บ แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ เกี่ยวกับระดับความรุนแรง ทำให้สิ่งที่ทุกคนทำได้ในตอนนี้คือรอคอยคำตอบจากทีมแพทย์เท่านั้น แต่การหายไปของเขาครั้งนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อทีมดังในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยตรง เนื่องจากว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเป็นตัวเลือกหลักของทีมมาโดยตลอด แนะคอยทำหน้าที่ผู้สังหารประตูคู่แข่งหลายนัดติดต่อกัน
โดยอาการบาดเจ็บของเขาเกิดขึ้นในระหว่างที่กำลังช่วยทัพ เดอะ กันเนอร์ส ดวลกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และเกมนี้เจ้าตัวมีส่วนใน 6 ประตูของทีมเหมือนกัน หลังจากมีโอกาสยิงประตูสำเร็จในนาทีที่ 15 พาทีมออกนำเจ้าบ้านไปด้วยสกอร์ 3-0 แต่หลังจากนั้นในช่วงท้ายของเกมเขาทำให้ทุกคนต้องกังวล เพราะมีอาการบาดเจ็บเล่นงานอย่างหนัก
ทั้งนี้แม้เกมที่ผ่านมาทางด้านทีมดังในถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ว่าชัยชนะเหนือคู่แข่งอย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ได้ถึง 6-0 แต่พวกเขาต้องเผชิญกับข่าวร้ายในช่วงนาทีที่ 62 เนื่องจากว่านักเตะตัวหลักของทีมชาวบราซิเลียนมีอาการบาดเจ็บเล่นงาน สิ้นคาดการณ์กันว่าอาการบาดเจ็บของเขาครั้งนี้น่าจะเกิดจากการกระแทกเท้าของเขาในตอนจังหวะเตรียมยิงประตู
อย่างไรก็ตามนายตอนนี้แฟนบอลทุกคนของ อาร์เซนอล กำลังรอดูว่า มิเกล อาร์เตต้า ตัดสินใจรับมือกับปัญหาเรื่องนี้อย่างไร จึงเบื้องต้นทุกคนต่างมองว่าการหายไปของนักเตะวัย 22 ปีครั้งนี้ ค่อนข้างจะสร้างช่องโหว่ให้ทีมจนนำไปสู่โอกาสชนะยากขึ้น ดังนั้นแทนที่จะต้องทำโดยเร็วที่สุดก็คือ อาร์เตต้า ต้องวางตัวเลือกที่ดีพอสำหรับลงเล่นในเกมที่เหลือต่อไป
อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ต้องรอลุ้นกันว่าอาการบาดเจ็บของ มาร์ติเนลลี่ จะใช้เวลาพักฟื้นกี่สัปดาห์ เพราะการหายไปของเขาครั้งนี้มีโอกาสสูงมากที่จะทำให้ทีมเจองานหนักทันที หลังจากตอนนี้กำลังเตรียมฮึดไล่ล่าชัยชนะต่อเนื่อง เพื่อโอกาสคว้าแชมป์รายการ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำซีซั่น 2023-24 ให้ได้ เพราะตอนนี้โอกาสของ ปืนใหญ่ มีสูงมาก ทันทีที่มีแต้มตามหลัง ลิเวอร์พูล เพียงแค่ 2 แต้มเท่านั้น
ที่มา: https://www.goal.com/en/lists/arsenal-gabriel-martinelli-carried-off-injured-sheffield-united-demolition/blt864af485bc26a07c#csf0e75e47ac5642b2
สื่อชื่อดังหลายสำนักนายแคว้นกาตาลุนย่ารายงานว่า บาร์เซโลน่า ทีมดังในสเปนภายใต้การบริหารของ โจน ลาปอร์ต้า ให้ความสนใจดึงตัว 3 นักเตะตัวหลักของทีมต่าง ๆ ในวงการลูกหนังเป็นพิเศษ ถึงขั้นมีโอกาสยื่นข้อเสนอหวังปิดดีลนักเตะที่ต้องการเสริมทัพในเร็ว ๆ นี้ ทันทีที่ทั้ง 3 พัฒนาฝีเท้าต่อเนื่อง จนตอนนี้ได้ชื่อว่าเป็นตัวหลักของทีมทันที แต่หลังจากนั้นเริ่มมีข่าวให้แฟนบอลของทุกทีมต่างพากันกังวลตามมา เมื่อเริ่มมีสื่อยืนยันว่าพวกเขากำลังขึ้นแท่นเป็นนักเตะเนื้อหอม
ประเด็นร้อนที่เกิดขึ้นทำให้ตอนนี้ทัพอาซูลกราน่า เป็นที่จับตามองอีกครั้ง เมื่อสื่อหลายแห่งตีข่าวออกมาว่าเส้นทางการทำงานของพวกเขาในตอนนี้คือ กำลังมองหาสมาชิกใหม่เสริมทัพ เพราะต้องการพัฒนาทีมต่อเนื่อง อีกทั้งยกระดับทีมสู่ความสำเร็จระยะยาว มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยมีเป้าหมายชัดเจนคือต้องการยกระดับทีมสู่ตำแหน่งแชมป์รายการต่าง ๆ ที่มีทั้งหมดให้ได้ หลังจากตอนนี้สถานการณ์โดยรวมของทีมยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่นัก
ส่วนนักเตะที่พวกเขากำลังสนใจเป็นพิเศษคือ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ของ อาร์เซนอล, ควิซ่า ควารัตสเคเลียของ นาโปลี และ คาโอรุ มิโตมา ของไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน โดยทั้งหมดคือขุนพลที่มีบทบาทสำคัญต่อต้นสังกัดอย่างมาก รวมถึงตลอดเวลาที่ผ่านมามีผลงานยอดเยี่ยมชนิดที่ทำให้ทุกคนประทับใจ และในเวลาต่อมาทำให้พวกเขาเป็นข่าวเชื่อมโยงกับทีมดังในสเปนทันที แต่งานนี้ต้องรอลุ้นกันต่อว่าสุดท้ายการทำงานของพวกเขาจะเป็นอย่างที่คิดหรือเปล่า
ทั้งนี้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังเพิ่มกระแสเรื่องทัพต่างดาว กำลังจ้องดึง อาร์เตต้า เข้ามาร่วมงานกันมากขึ้นทันที หลังจากก่อนหน้านี้เคยมีข่าวออกมาว่า อาร์เตต้า คือคนที่พวกเขากำลังคาดหวังและต้องการดึงตัวเสริมทัพเป็นทางการ เนื่องจากว่าต้องการเพิ่มโอกาสให้ทำงานให้ทีมเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จระยะยาว ซึ่งหลังจากนี้ต้องรอลุ้นกันต่อว่าจะเป็นอย่างที่ทุกคนคาดหวังหรือเปล่า
ทั้งนี้จากข่าวที่เกิดขึ้นทำให้เกิดกระแสตามมาทันทีว่างานนี้ทางทัพต่างดาว จะกล้าจ่ายเงินสำหรับซื้อตัวนักเตะคนดังมากมายมาใช้งานหรือเปล่า เนื่องจากตอนนี้แต่ละคนเป็นตัวหลักของต้นสังกัด ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะยอมปล่อยพวกเขาพ้นทีมก็ต่อเมื่อมีข้อเสนอโดนใจเท่านั้น และตัวเลขที่คาดหวังก็น่าจะสูงอย่างมากแน่นอน
ทั้งนี้สำหรับการวางแผนดึงตัวนักเตะใหม่เติมแกร่งของ บาร์ซ่า ในช่วงหน้าร้อนปีนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่าพวกเขาต้องการดึงใครเข้ามาเสริมทัพกันแน่ และยังต้องเดินหน้าทำผลงานของตัวเองไปสู่ความสำเร็จตามเป้าที่ต้องการหรือเปล่า ดังนั้นแผนงานของทีมต้องรอลุ้นกันต่อว่าจะจบลงอย่างไรในระหว่างนี้
ที่มา: https://www.goal.com/en/lists/barcelona-shortlist-gabriel-martinelli-khvicha-kvaratskhelia-kaoru-mitoma-summer-window-xavi/bltf1baa74ae1c970fa#cs93e4891b8d5255e1
ล่าสุดสื่อหลายแห่งในอังกฤษเผยว่า Mikel Arteta ผู้จัดการทีมชาวสแปนิชจะลงจากตำแหน่งกุนซือของ อาร์เซนอล หลังจากจบการแข่งขันรายการต่าง ๆ ของซีซั่นนี้ ซึ่งประเด็นดังกล่าวทำให้แฟนบอลของทีมส่วนใหญ่หนักใจไปตาม ๆ กันทันที เพราะไม่คิดว่าเจ้าตัวจะบอกลาทีมรวดเร็ว เนื่องจากเจ้าตัวมีสัญญากับทีมยาวไปถึงปี 2025 ดังนั้นการหายไปของเขาจึงไม่ควรเกิดขึ้นในเวลานี้
ทันทีที่สื่อสำนักต่าง ๆ เล่นข่าวนี้ขึ้นมาทำให้ทุกฝ่ายตั้งคำถามตามมาทันทีว่า หากสุดท้ายเขาบอกลาทีมดังในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จริง ๆ เท่ากับว่าทีมอาจจะต้องนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง เพราะการมาของกุนซือคนใหม่จะต้องเตรียมทีมกันใหม่ทันที และที่สำคัญยังไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นใคร และมีวิธีการทำทีมเหมือนกับเด็กเก่า อาร์เซนอล เข้าใจความต้องการของทีมหรือเปล่า
เหตุผลหลักสำคัญทำให้มีข่าวออกมาว่า เขาจะบอกลา ปืนใหญ่ เพราะประกาศลงจากตำแหน่งของ ชาบี เอร์นานเดซ ผู้จัดการทีมชาวสแปนิชที่ยืนยันว่าจะหันหลังให้ทีมรักของเขาแน่นอน ส่งผลให้หลังจากนั้นสื่อหลายแห่งในเมืองผู้ดีมองว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่ผู้จัดการทีมกรุงลอนดอนจะเข้ามาสานงานต่อ เพราะทุกคนมองว่าฝีมือการทำงานของเขาเจ๋งพอจะช่วยพลิกสถานการณ์ทีมให้ดีขึ้นมากกว่านี้ได้ไม่ยาก
กระแสการประกาศลงจากตำแหน่งของกุนซือคนดังหลายทีมเริ่มน่าสนใจมากขึ้น จนพาลให้สื่อชี้เป้าว่าเฮดโค้ชของทัพเดอะ กันเนอร์ส จะเป็น 1 ในนั้นด้วยเช่นกัน หลังจากตอนนี้เขาเหลือสัญญากับทีมจนถึงกลางปีหน้าเท่านั้น และจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ต่อสัญญาเพิ่มเติมใด ๆ ทำให้เกิดคำถามว่าหลังจากนี้เขาจะเป็นคนหนึ่งที่ต้องบอกลาทีมไปอีกคนหรือเปล่า
ทั้งนี้เชื่อกันว่าทางด้านผู้บริหารของ เดอะ กันเนอร์ส คงไม่ยอมปล่อยให้เขาพ้นทีมง่าย ๆ แน่นอน เพราะจากผลงานตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา เขาคือคนที่ค่อย ๆ พลิกสถานการณ์ภายในทีมให้ดีขึ้น และเป็นคนที่กล้าหักกับนักเตะระบบลูกรักหลายรายในทีม ชนิดเพื่อนเคยรักก็ไม่เว้น แถมแนวทางการทำทีมคือเน้นนักเตะพลังหนุ่มและสู้เพื่อทีมเป็นหลัก อีกทั้งการเสริมทัพในช่วงที่ผ่านมาอยู่ในระบบของทีมทุกเม็ด ทำให้เป็นกุนซือที่ทุกคนมองว่าร่วมงานกันง่ายมากที่สุดจริง ๆ
อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ทุกฝ่ายกำลังดูว่า มิเกล อาร์เตต้า จะเป็น 1 ในโผผู้จัดการทีมบอกลาต้นสังกัดอีกรายหรือไม่ ซึ่งหากเขาตัดสินใจลงจากทีมจริง ๆ เชื่อกันว่าจะเพิ่มปัญหาต่าง ๆ ให้ทีมทันที เพราะผลงานของเขาที่พาทีมสู่อันดับต้น ๆ และใกล้เคียงกับตำแหน่งแชมป์รายการต่าง ๆ คือผลงานที่ทำให้แฟนบอลมั่นใจในตัวเขาเรื่อยมา