ความเคลื่อนไหวหลังเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ ครั้งสุดท้ายที่สนามกูดิสัน ปาร์ค ที่ เอฟเวอร์ตัน เจ้าถิ่นได้ประตูตีเสมอ 2-2 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ จาก เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ ก่อนที่ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ผู้ตัดสินในเกมนี้จะเป่าหมดเวลาการแข่งขัน
ซึ่งหลังจากสิ้นเสียงนกหวีดของ ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ทางด้าน อับดูลาย ดูกูเร่ มิดฟิลด์ของเอฟเวอร์ตัน ก็ได้วิ่งเข้าหากลุ่มแฟนบอลเดอะ ค็อป เพื่อไปเยาะเย้ยแฟนบอลทีมเยือน ก่อนที่เคอร์ติส โจนส์ มิดฟิลด์ลิเวอร์พูล จะวิ่งตามเข้าไปเอาคืนแทนแฟนบอลของเขา ทำให้สถานการณ์ปะทุจนกลายเป็นเหตุชุลมุนกันข้างสนาม สุดท้าย ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ตัดสินแจกเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงให้กับทั้ง อับดูลาย ดูกูเร่ และ เคอร์ติส โจนส์ พร้อมแจกใบแดง โดยตรงให้อาร์เน่อ ชล็อต กุนซือลิเวอร์พูล และ ซิปเก้ ฮุลชอฟฟ์ ผู้ช่วยโค้ช ออกจากสนามไปอีกสองคน
ซึ่งก่อนหน้านี้ แถลงแรกของพรีเมียร์ลีก ยืนยันว่า อาร์เน่อ ชล็อต กุนซือลิเวอร์พูล จะถูกแบนห้ามคุมทีมข้างสนาม 2 เกม หลังโดนใบแดงในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ โค้ชชาวดัตช์ได้ใบแดงหลังเดินเข้าไปจับมือกับไมเคิ่ล โอลิเวอร์ เมื่อเสียงนกหวีดในเกมที่ลูกทีมโดนตามตีเสมอท้ายเกม 2-2 แถลงการณ์ของพรีเมียร์ลีก ระบุว่า “อาร์เน่อ ชล็อต ถูกไล่ออกตอนจบเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ เนื่องจากใช้ภาษาที่ล่วงเกิน , แดกดัน หรือ หมิ่นประมาท ซึ่งส่งผลให้เขาถูกแบนจากการคุมทีมข้างสนาม 2 เกม” การโดนแบนดังกล่าวจะทำให้ ชล็อต ไม่สามารถคุมทีมข้างสนามในเกมพบ วูล์ฟฯ ที่แอนฟิลด์ วันอาทิตย์นี้ และเกมเยือน แอสตัน วิลล่า วันที่ 19 กุมภาพันธ์นี้
ทว่าล่าสุด สื่ออังกฤษรวมถึงแฟนบอลทั่วโลก ต่างงงไปตามๆ กัน เมื่อเข้าไปตรวจสอบอีกทีพบว่า บรรทัดที่เกี่ยวกับ การแบน อาร์เน่อ ชล็อต ของพรีเมียร์ลีก หายไปเรียบร้อย คงเหลือแต่ บทลงโทษของคู่กรณี ระหว่างเคอร์ติส โจนส์ และอับดุลาย ดูคูเร่ ซึ่งข้อความที่ยังคงเหลือนั้น ระบุว่า “อับดุลาย ดูคูเร่ และ เคอร์ติส โจนส์ ต่างโดนใล่ออกจากการโดนใบเหลืองที่สองในเกมที่ เอฟเวอร์ตัน เสมอ ลิเวอร์พูล 2-2 ทั้งคู่จะโดนแบนคนละนัด โดย ดูคูเร่ จะไม่ได้ลงเล่นให้เอฟเวอร์ตัน ในเกมพรีเมียร์ลีกที่จะพบคริสตัล พาเลซ ขณะที่ โจนส์ โดนแบนในเกมที่ลิเวอร์พูล จะเปิดบ้านพบ วูล์ฟฯ ในสุดสัปดาห์นี้
ที่มา: https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/breaking-arne-slot-touchline-ban-34672112
แม้ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล จะพลิกล็อกแพ้ พลีมัธ ตกรอบ 4 ในศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ หมดโอกาสลุ้นถึง 4 แชมป์ในฤดูกาลนี้ แต่ถ้ามามองถึงเกมลีก หงส์แดง ยังคงนำเป็นจ่าฝูงในศึกพรีเมียร์ลีก และด้วยฟอร์มของทีมลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ อาร์เน่อ สล็อต ถือว่าร้อนแรงและหาทีมหยุดได้ยากมาก โอกาสจะเป็นแชมป์ลีกสมัยที่ 20 ค่อนข้างสูง
แม้จะตกรอบเอฟเอ คัพ แบบเหนือความคาดหมาย แต่เกมนัดต่อไปของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล จะทำศึกเมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้ กับเพื่อนร่วมเมือง เอฟเวอร์ตัน ซึ่งเกมนี้เป็นเกมตกค้างที่โดนโยกมาลงในกลางสัปดาห์นี้ ถ้าทีมหงส์แดง บุกมาชนะเอฟเวอร์ตัน ถึงถิ่นกูดิสัน พาร์ค ได้ พวกเขาจะขยับทำแต้มทิ้งห่างทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล เป็น 9 คะแนน
ด้าน พอล เมอร์สัน ตำนานของทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ที่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นคอมเมนเตเตอร์ ให้สัมภาษณ์กับ Metro Sport ถึงโอกาสการคว้าแชมป์ของลิเวอร์พูลว่า “หาก ลิเวอร์พูล ชนะ เอฟเวอร์ตัน พวกเขาจะนำ 9 แต้ม โดยเหลืออีก 14 เกม ซึ่งหมายความว่าพวกเขาต้องแพ้ถึง 4 นัด ซึ่งผมคิดว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ สำหรับผมทุกอย่างขึ้นอยู่กับเกมวันพุธนี้” เมอร์สัน ส่งสารชัดเจนว่า ลิเวอร์พูล มีโอกาสทองในการยึดความได้เปรียบ หากพวกเขาทำผลงานได้ที่กูดิสัน พาร์ค การแข่งขันลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอาจจบเร็วกว่าที่หลายคนคาดคิด
แม้ตารางแข่งขันที่แน่นขนัดจะเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับขุมกำลังของทีมหงส์แดง แต่ชัยชนะเหนือเอฟเวอร์ตันอาจทำให้การคว้าแชมป์ลีกแทบจะการันตีได้เลย ซึ่ง ลิเวอร์พูล กำลังลุ้นคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษสมัยที่ 20 ซึ่งจะทำให้พวกเขาทาบสถิติของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สำหรับ อาร์เน่ สล็อต หากเขาพา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ได้ในฤดูกาลแรกของเขา ก็จะเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมหลังเข้ามารับงานต่อจาก เจอร์เก้น คล็อปป์
ที่มา: https://www.sportingnews.com/uk/football/liverpool/news/arsenal-legend-prediction-liverpool-premier-league-title-race/b12aad29436ca8e247826e04
ยังคงเป็นประเด็นอย่างต่อเนื่องสำหรับการบริหารงานของ FSG หรือกลุ่มเฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป เจ้าของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ที่ถูกเหล่าเดอะ ค็อป โจมตี และวิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจากพวกเขารู้สึกว่า FSG ไร้ความทะเยอทะยาน และไม่ยอมทุ่มทุนเพื่อเสริมทัพและสัญญาฉบับใหม่ของ 3 แข้งตัวหลักของทีมยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ
จอห์น บาร์นส์ ตำนานของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ออกมาสวนกระแสเหล่าเดอะ ค็อป ในงานแฟนอีเวนต์ของ LiveScore ที่เมืองลิเวอร์พูลเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ผมคิดว่าในทุกวันนี้ผู้คนคิดว่าทางออกคือการทุ่มเงินลงไป ลองไปดูเงินที่เชลซี และแมนฯยูไนเต็ด ทุ่มลงไปสิ แล้วพวกเขาทำอะไรสำเร็จบ้าง? มันไม่ใช่แค่การทุ่มเงิน มันเป็นเรื่องของการหานักเตะที่ใช่ ปัญหาคือผู้คนกำลังทำมันหมือนเป็นธุรกิจ และมีคนที่บอกว่านายควรจำกัดนักเตะบางคนทิ้งไป แต่พวกเขาไม่ได้ย้ายออกไป ดังนั้นหากคุณจ่ายเงินลงไปก็จะลงเอยด้วยการมีนักเตะมากมาย ซึ่งนั่นไม่ใช่หนทางแก้ไขปัญหา
จอห์น บาร์นส์ ยังบอกต่อว่า ปัญหาทั้งหมด ปัญหาอะไรล่ะ? เราอยู่จ่าฝูงลีกและกำลังไปได้สวยในยุโรป แล้วทำไมเราต้องใช้เงิน? ถ้าคุณเสียผู้เล่นไป ก็ใช่ แต่ถ้าคุณยังไม่ได้ผู้เล่นที่สามารถพัฒนาทีมได้ แล้วจะมีประโยชน์อะไรในการเซ็นสัญญาผู้เล่นในเดือนมกราคม ถ้าคุณไม่ได้ผู้เล่นที่ดีกว่า โดยเฉพาะสำหรับลิเวอร์พูลที่เป็นสโมสรใหญ่ แล้วจะเซ็นสัญญาผู้เล่นไปทำไมเพียงเพราะแค่ต้องการเซ็น? เรามีผู้เล่นเพียงพออยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาก็ไม่ได้ถูกใช้งานอยู่ดี ผมคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องเซ็นสัญญาใครเลย ยกเว้นกรณีที่เราสูญเสียใครบางคนไป
ที่มา: https://www.liverpool.com/liverpool-fc-news/features/john-barnes-defends-fsg-spending-30867525
ความเคลื่อนไหวหลังเกมแดงเดือด ที่สนามแอนฟิลด์ ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล จ่าฝูงตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก เปิดบ้านทำได้แค่เสมอกับทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด 2-2 โดยหลังจบเกม ปราการหลังกัปตันทีมชาวดัตช์ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ได้ตอบคำถามนักข่าวถึงสัญญาของเขากับลิเวอร์พูลว่ายังไม่มีความคืบหน้าใดๆ
เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ปราการหลังกัปตันทีม เป็น 1 ใน 3 นักเตะตัวหลักของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ที่กำลังจะหมดสัญญาลงในซัมเมอร์นี้ ร่วมกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แนวรุกฟอร์มร้อนแรง และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่กำลังมีข่าวพัวพันกับทีมราชันชุดขาว เรอัล มาดริด และในเดือนมกราคมนี้เป็นต้นไป ตัวนักเตะสามารถเจรจาพูดคุยกับสโมสรใหม่ได้ โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากต้นสังกัด
ตามรายงานของสื่อหลายๆ สำนัก รายงานตรงกันว่านักเตะทั้ง 3 คน ยังไม่ได้รับการเสนอสัญญาฉบับใหม่จากบอร์ดบริหารของทีม เมื่อสัปดาห์ก่อน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่านี่อาจเป็นปีสุดท้ายของเขาในถิ่นแอนฟิลด์ และการต่อสัญญาใหม่นั้นยังอยู่ห่างไกลเหลือเกิน
เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กัปตันทีมลิเวอร์พูล เป็นอีกคนที่ออกมายอมรับว่าไม่ได้หวังว่าจะได้ยินข่าวเรื่องสัญญาใหม่จากสโมสรในเร็วๆ นี้ ซึ่งหลังจบเกมแดงเดือดเกมล่าสุด เมื่อโดนถามว่ามีข่าวเรื่องสัญญาหรือไม่ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ตอบทันทีว่า ไม่มี เมื่อโดนจี้ถามอีกว่าคาดหวังว่าจะมีอะไรอัพเดตหรือไม่ในเร็วๆ นี้ ฟาน ไดจ์ค ก็ตอบว่า “ผมไม่คิดงั้นนะ แต่ผมยังใจเย็น เหมือนที่ผมพูดเมื่อเดือนก่อนๆ เราจะดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นในอนาคต และจนถึงตอนนี้ผมยังไม่มีอะไรอัพเดตเลยจริงๆ
ที่มา : https://www.liverpool.com/liverpool-fc-news/features/virgil-van-dijk-contract-latest-30714711
ยังคงเป็นเครื่องหมายคำถามสำหรับอนาคตของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่กำลังจะหมดสัญญากับทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ในช่วงซัมเมอร์นี้ และตามกฎบอสแมน ตัวนักเตะสามารถพูดคุยกับสโมสรอื่นได้เลย โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากสโมสรต้นสังกัด ล่าสุดสื่อรายงานว่า เรอัล มาดริด ยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการให้ ลิเวอร์พูล แล้ว
ล่าสุด The Telegraph อีก 1 สื่อดังของอังกฤษรายงานว่าทีมราชันชุดขาว เรอัล มาดริด กำลังพิจาณายื่นข้อเสนอเป็นเงินประมาณ 20 ล้านปอนด์เพื่อโน้มน้าวให้ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ยอมปล่อยตัว เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในตลาดหน้าหนาวนี้เลย หลังจากก่อนหน้านี้มีรายงานว่า เรอัล มาดริด หวังจะเซ็นฟรีในตลาดซัมเมอร์หน้าหลังจบฤดูกาลนี้
ด้วยอาการบาดเจ็บของ ดานี่ การ์บาฆาล แบ็คขวาตัวเก๋าของทีม ทำให้ เรอัล มาดริด มองหาตัวแทนและได้พยายามติดต่อเพื่อคว้าตัว เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ซึ่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ได้มีการเจรจาระหว่างสโมสรโดยยังไม่มีการยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการ ซึ่งทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
ด้าน อาร์เน่อ สลอต กุนซือใหญ่ทัพหงส์แดง ลิเวอร์พูล ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็น 3 นักเตะตัวหลักที่กำลังจะหมดสัญญาในช่วงซัมเมอร์นี้ ว่า “ผมควบคุมได้แค่ตอนที่พวกเขาอยู่ในสนามซ้อมหรือประชุมกับผม แต่ชีวิตส่วนตัวของพวกเขาผมไม่สามารถควบคุมได้ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นมาตลอดที่ผมเป็นผู้จัดการทีม” ซึ่ง สลอต ยังเผยต่อว่า “ตอนนี้สิ่งที่ดีสำหรับผมคือในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา ทุกคนพูดถึงแต่ เทรนต์, โม และ เวอร์จิล แต่ตอนนี้ผมหวังว่าผู้คนจะพูดถึงว่าเรากำลังมองหาผู้เล่นใหม่และผู้เล่นคนไหนที่จะย้ายออกไปในเดือนที่จะถึงนี้ด้วย”
ด้าน ไมเคิ่ล โอเว่น ตำนานกองหน้าของทีมหงส์แดง ให้ความเห็นถึงอนาคตของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ว่า “ความจริงที่ว่าตอนนี้ เรอัล มาดริด แสดงความต้องการของพวกเขาออกมาอย่างชัดเจนในการเซ็นสัญญากับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ นั้น ทำให้ผมเชื่อว่า มันเหลือแค่เวลาก่อนที่เขาจะเซ็นสัญญากับพวกเขา หากเขาจะลงนามต่อสัญญาออกไป มาดริด ก็คงไม่ขยับอย่างเป็นทางการหรอกนะ การพูดคุยอย่างลับๆ จะเกิดขึ้น นี่ข่าวใหญ่เลยแหล่ะ”
ที่มา: https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-14241275/Price-Real-Madrid-pay-Trent-Alexander-Arnold-Liverpool.html
ถือเป็นครั้งที่ 7 ของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ที่ขึ้นนำจ่าฝูงในศึกพรีเมียร์ลีก ก่อนวันคริสต์มาส ซึ่งเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมภายใต้กุนซือคนใหม่อย่างอาร์เน่อ สล็อต ที่เข้ามารับหน้าที่ต่อจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ โดยแข่ง 16 นัด ชนะ 12 เสมอ 3 และแพ้เพียงแค่นัดเดียว
โดยผลงานที่ร้อนแรงของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล มาถึงตอนนี้ บ่อนรับพนันถูกกฎหมายทุกสำนักต่างยกให้ทีมหงส์แดง ขึ้นเป็นเต็ง 1 ที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ เช่นเดียวกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ Opta ที่ทำนายว่าโอกาสเป็นแชมป์ของลิเวอร์พูล สูงถึง 85.8% ซึ่งมีทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ที่ตามมาห่างๆ มีโอกาสคว้าแชมป์เพียงแค่ 10.4%
ฤดูกาลนี้ แมนฯซิตี้ แชมป์เก่าก็แทบจะหลุดจากการลุ้นแชมป์ไป เนื่องจากพวกเขาอยู่ในช่วงที่ผลงานย่ำแย่ที่สุดในยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อย่างไรก็ตาม แม้ว่า ลิเวอร์พูล จะเริ่มต้นฤดูกาลได้อย่างน่าประทับใจ แต่ อลัน เชียเรอร์ อดีตตำนานกองหน้าของพรีเมียร์ลีก ที่ผันตัวมาเป็นคอมเมนเตเตอร์ ก็เตือนว่าการลุ้นแชมป์ไม่ใช่เรื่องที่สามารถสรุปได้เลย
อลัน เชียเรอร์ แสดงทรรศนะกับ BetFair ว่า “ยังมีอะไรให้ลุ้นอีกเยอะ ลิเวอร์พูลดูน่าประทับใจมาก แม้ว่าพวกเขาจะเสียประตูไปบ้าง เช่น สองลูกกับนิวคาสเซิ่ล สองลูกในเกมเหย้ากับฟูแล่ม และสามลูกในเกมล่าสุดกับสเปอร์ส” เชียเรอร์ ยังบอกต่อว่า “แต่ฟอร์มการเล่นของพวกเขาในเกมกับสเปอร์สและการตอบสนองในแมตช์นั้นยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะหลังจากที่เชลซีเสมอและอาร์เซน่อลชนะ ซึ่งทำให้มีแรงกดดันเล็กน้อยกับพวกเขา พวกเขาดูมุ่งมั่นและเป็นทีมที่แข็งแกร่ง มีผู้เล่นที่พร้อมลงมาจากม้านั่งสำรองและช่วยทีม พวกเขาจะเป็นทีมที่ยากจะเอาชนะได้แน่นอน”
อลัน เชียเรอร์ เผยต่อว่า “ผมคิดว่าฤดูกาลนี้มีความแตกต่างจากฤดูกาลอื่นๆ ด้วยเหตุผลหลายประการ ลองดูบอร์นมัธ , ฟอเรสต์ , เชลซี และแม้แต่ลิเวอร์พูลที่มีผู้จัดการทีมคนใหม่ มีหลายสิ่งที่เกิดขึ้นและความไม่แน่นอนที่เราเห็นจนถึงตอนนี้มันน่าทึ่งจริงๆ”
แม้ว่าการเป็นจ่าฝูงก่อนวันคริสต์มาส มักจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงความสำเร็จในการคว้าแชมป์ แต่ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล มีสถิติที่ไม่น่าจดจำในเรื่องนี้ ฤดูกาลนี้เป็นครั้งที่ 7 ที่หงส์แดงครองตำแหน่งจ่าฝูงก่อนคริสต์มาส นับตั้งแต่ลีกสูงสุดเปลี่ยนชื่อมาเป็น พรีเมียร์ลีก ตั้งแต่ปี 1992 อย่างไรก็ตาม มีเพียงครั้งเดียวที่พวกเขาสามารถเปลี่ยนตำแหน่งจ่าฝูงในวันคริสต์มาสเป็นแชมป์ได้ นั่นคือในฤดูกาล 2019-20 ภายใต้การคุมทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์มา
เจมี่ คาร์ราเกอร์, เจมี่ เร้ดแนปป์ และ เลส เฟอร์ดินานด์ 3 กูรู จากรายการ Super Sunday ทางช่อง Sky Sport พูดคุยหลังเกมที่ ลิเวอร์พูล บุกไปถล่ม สเปอร์ส 6-3 ว่า สำหรับนักเตะที่กำลังจะหมดสัญญาลงในฤดูกาลนี้อย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ , เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ว่าควรเร่งเจรจาต่อสัญญากับใคร ซึ่งทั้งสามยังคงไม่มีใครออกมาเปิดเผยอนาคตของตนในถิ่น แอนฟิลด์ และยังไม่มีใครออกมาประกาศอย่างเป็นทางการถึงสัญญาฉบับใหม่ของพวกเขา
เมื่อถูกพิธีกรในรายการ Super Sunday ถามว่า 1 ใน 3 นักเตะที่กำลังจะหมดสัญญา ถ้าเลือกต่อได้คนเดียวจะเลือกใคร เจมี่ คาร์ราเกอร์ ตอบคำถามเป็นคนแรก “ผมคงเลือก เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่า ฟาน ไดจ์ค และโม ซาลาห์ จะอยู่ต่อ คนที่กังวลคือ เทรนต์ เพราะสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญอยู่ แต่ผมมั่นใจว่าอีกสองคนจะต่อสัญญา” ตำนานลิเวอร์พูลกล่าว
เช่นเดียวกับทาง เจมี่ เร้ดแนปป์ อีก 1 ตำนานของทีมหงส์แดง ก็มองเหมือนกับ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ที่เลือกแนวรับคนสำคัญรายนี้ให้อยู่ต่อกับสโมสร “ผมเองก็คงเลือก เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค เพราะเขาเป็นนักเตะที่เก่งมากๆ และยังคงมีผลงานในระดับสูง แต่เอาเข้าจริงผมไม่อยากเสียใครในสามคนนี้ไป”
เจมี่ เร้ดแนปป์ ยังเผยต่อว่า “ผมคิดว่า ลิเวอร์พูล มีความสามารถในการหาแข้งตัวแทนเหล่าซูเปอร์สตาร์เสมอมา แม้กระทั่งตอนที่ผมยังอยู่ที่นั่นตลอดหลายปีที่ผ่านมา ครั้งที่ เอียน รัช ออกจากทีมไปแล้ว ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ก็เข้ามา ต่อด้วย ไมเคิ่ล โอเว่น , เฟอร์นันโด ตอร์เรส เข้ามา, หลุยส์ ซัวเรซ ย้ายเข้ามา แล้วล่าสุดก็ โม ซาลาห์ ที่เข้ามา พวกเขาดูเหมือนทีมที่จะเปลี่ยนกองหน้าให้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ พวกเขาจึงต้องหาใครสักคนมาแทนที่ แต่ผมไม่รู้ว่าในโลกลูกหนังในตอนนี้ คุณจะหาคนมาแทนที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ได้จากที่ไหน”
ปิดท้ายที่ เลส เฟอร์ดินาน ตำนานนักเตะสเปอร์ส กูรูอีกคนในรายการ Super Sunday ก็ช่วยตัดสินให้เป็นเอกฉันท์ พร้อมชี้ถึงความยอดเยี่ยมของแนวรับดัตช์แมนรายนี้ เลส เฟอร์ดินานด์ เผยว่า “วิธีการที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค จัดการแนวรับของลิเวอร์พูล และวิธีการเล่นของเขาที่นิ่งมากๆ เขาคือคนที่ผมอยากให้ทีมรั้งตัวเอาไว้”
ที่มา : https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-14219949/Jamie-Carragher-Liverpool-Mo-Salah-Trent-Alexander-Arnold-Virgil-van-Dijk.html?ico=topics_pagination_desktop
ท่ามกลางข่าวลือต่างๆ นาๆ ของ 3 นักเตะตัวหลักของทัพหงส์แดง ลิเวอร์พูล อย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ , เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่สัญญากำลังจะหมดลงในช่วงซัมเมอร์นี้ แต่สโมสรยังไม่มีการยืนยันว่าจะต่อสัญญากับพวกเขาทั้ง 3 ล่าสุด อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ มิดฟิลด์ทีมชาติอาร์เจนติน่า เพื่อนร่วมทีมเผยว่า อยากเห็นทั้ง 3 คนอยู่กับทีมต่อไป
โดยทั้งสามแข้งเป็นกำลังสำคัญของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ที่กำลังทำอันดับนำเป็นจ่าฝูงของศึกพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้ แต่พวกเขาทั้งหมดก็มีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นนักเตะฟรีเอเยนต์ในช่วงซัมเมอร์หน้า ภายหลังการเจรจาสัญญาใหม่ของพวกเขายังไม่มีความคืบหน้าใดๆ
ด้าน อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ก็ได้ออกมาแสดงความเห็นของเขาถึงบทสัมภาษณ์ของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ออกมาพูดถึงสัญญาของเขาที่กำลังจะหมดลงในช่วงซัมเมอร์นี้ว่าบอร์ดบริหารยังไม่ได้มีการเจรจาใดๆ กับ เรมี่ อับบาส เอเยนต์ส่วนตัวของแนวรุกชาวอียิปต์ โดย แม็ค อัลลิสเตอร์ เผยว่า “ผมคิดว่าเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงตัวตนบางแง่มุมของ โม นะ”
อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ยังเผยผ่าน ESPN Argentina ว่า “เมื่อคุณได้เห็นเขาในทุกๆ วัน เขาเป็นคนที่ทำงานหนักมาก ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เขามาคนแรกและกลับเป็นคนสุดท้ายเสมอ เขาเตรียมพร้อมเสมอสำหรับเรื่องใดๆ ก็ตามที่จะเกิดขึ้น เขานำเรื่องเหล่านั้นไปใช้ในสนาม และเขามักจะช่วยเราได้เสมอในช่วงเวลาสำคัญในยามที่เหล่านักเตะตัวหลักต้องเจอช่วงเวลาที่ยาก เขามักจะทำได้ในช่วงเวลาเหล่านั้น และนั่นทำให้พวกเราทุกคนดีใจอย่างมาก”
ซึ่ง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ยังบอกต่อว่า “แน่นอนว่าเราอยากแบ่งปันช่วงเวลาดีๆ กับเขา แต่นั่นเป็นการตัดสินใจส่วนตัว สโมสรต้องตัดสินใจ และเราไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ หวังว่าพวกเขาจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ เพราะเราต้องการให้เขา , เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค , และเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ อยู่กับเราต่อไป และหวังว่าเรื่องราวจะจบลงอย่างนั้น”
มารอดูกันว่าบอร์ดบริหารจะจัดการกับเรื่องสัญญาของ 3 แข้งหลักยังไงให้ไม่กระทบกับการลุ้นแชมป์ฟุตบอลลีก และฟุตบอลถ้วยยุโรป ที่ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล กำลังบินสูงอยู่ในเวลานี้
ที่มา : https://www.90min.com/alexis-mac-allister-liverpool-salah-alexander-arnold-van-dijk-contracts
หลังจากมีกระแสข่าวลือหนาหูมาตลอดเรื่องสัญญาของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แนวรุกชาวอียิปต์ เบอร์ 1 ของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ที่กำลังจะหมดลงในช่วงซัมเมอร์นี้และทางฝั่งต้นสังกัดไม่ยินยอมตามที่เอเยนต์ส่วนตัวของแนวรุกวัย 32 ปี เรียกร้อง จน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ต้องออกมาให้สัมภาษณ์กระตุ้นไปยังบอร์ดบริหารของ FSG ให้ต่อสัญญาเขาออกไป ล่าสุด The Athletic สื่อที่น่าเชื่อถือเผยว่า ซาลาห์ พร้อมรับข้อเสนอระยะสั้น 1 ปี
หลังจากที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ออกมาให้สัมภาษณ์เชิงโจมตีบอร์ดบริหารว่าไม่ยอมเจรจาสัญญาใหม่กับเขาถึง 3 ครั้ง ซึ่งสัญญาของ ซาลาห์ จะหมดลงในช่วงซัมเมอร์นี้ และปัจจุบันสโมสรยังไม่มีบทสรุปที่จะเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทำให้มีการคาดการณ์ว่าดาวยิงทีมชาติอียิปต์ต้องการเซ็นสัญญาระยะยาว ในวัย 32 ปี
รายงานจาก The Athletic เผยว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พร้อมที่จะเซ็นสัญญาฉบับใหม่ระยะสั้นกับลิเวอร์พูลเป็นเวลา 1 ปี รายงานยังระบุด้วยว่า ดาวเตะวัย 32 ปี เริ่มรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ กับความคืบหน้าของการเจรจาของสโมสร โดยบอร์ดบริหารทีมหงส์แดง ยังคงเจรจากับ รามี่ อับบาส เอเยนต์ส่วนตัวของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซึ่งในเวลานี้ยังไม่ได้ข้อสรุป
ไซมอน ฮิวจ์ส นักข่าวสายหงส์แดง ของ The Athletic ออกมาเปิดเผยว่าทาง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยินดีที่ต่อสัญญาใหม่ออกไปอีก 1 ปีแม้จะรู้สึกไม่พอใจบอร์ดบริหารมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับวิธีจัดการการเจรจาของสโมสร พร้อมระบุว่า ดาวยิงชาวอียิปต์ ไม่มีการเปิดเจรจากับสโมสรไหนก็ตาม เนื่องจากอยู่ในข้อตกลงของสัญญา แต่สิ่งนี้จะเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม เมื่อนักเตะมีสิทธิที่จะเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับสโมสรนอกประเทศอังกฤษได้
1 ในเหตุผลที่ทำให้ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ อาร์เน่อ สลอต บินสูง นำจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกและศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลนี้ คือฟอร์มอันยอดเยี่ยมของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในวัย 32 ปี ที่ผลงานไม่ตกลงเลย ลงเล่น 20 เกมรวมทุกรายการ ยิงไป 13 ประตู และแอสซิสต์ให้เพื่อนยิงอีก 11 ประตู โดยเฉพาะในพรีเมียร์ลีกที่ยิงไปแล้ว 12 ประตู เป็นรองแค่เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ดาวซัลโวที่ยิงไป 13 ประตู
ก่อนหน้านี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้ขยายสัญญากับลิเวอร์พูลในช่วงซัมเมอร์ 2022 ทำให้กลายเป็นผู้เล่นที่ได้รับค่าตอบแทนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร และสื่อคาดการณ์กันว่าค่าเหนื่อยของเจ้าตัวอยู่ระหว่าง 350,000 ถึง 400,000 ปอนด์ ซึ่งเชื่อกันว่าการเจรจาสัญญาฉบับใหม่ของดาวยิงวัย 32 ปี ต้องการสัญญาระยะยาวและค่าเหนื่อยสูงขึ้นและพร้อมที่จะแขวนสตั๊ดในถิ่นแอนฟิลด์
ที่มา: https://www.nytimes.com/athletic/5962924/2024/12/02/liverpool-mohamed-salah-contract-new/
พรีเมียร์ลีกเกมสุดท้ายของเกมวีคที่ 13 ซึ่งเป็นเกมระดับ 5 ดาว เป็นการโคจรมาพบกันระหว่างทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล จ่าฝูงของตารางคะแนนเวลานี้ กับอดีตแชมป์ 4 สมัยติดต่อกันทีมเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ ที่แพ้ในลีกมา 3 เกมติด มาดู 5 กุญแจสำคัญที่จะตัดสินเกมของคู่นี้
การพบกันระหว่างลิเวอร์พูลและแมนฯซิตี้ มักเป็นเกมที่เจ้าบ้านได้เปรียบ โดยทีมเยือนสามารถเก็บชัยชนะได้เพียง 6 ครั้งจาก 54 นัดในพรีเมียร์ลีกที่พบกัน ซึ่งคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของการแข่งขันที่เล่นกันมากกว่า 30 ครั้งในลีก (11%) โดยเฉพาะการมาเยือนที่สนามแอนฟิลด์ ถือว่าเป็นความยากลำบากสำหรับลูกทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า พวกเขาชนะได้เพียงครั้งเดียวจาก 21 เกมในพรีเมียร์ลีกหลังสุดที่ไปเยือนลิเวอร์พูล เสมอ 7 และแพ้ไป 13 เกม ซึ่งชัยชนะนัดเดียวเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ด้วยสกอร์ 4-1 ในช่วงที่สนามไม่มีแฟนบอลเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งแมนฯซิตี้ยังไม่สามารถบุกมาเก็บ 3 แต้มที่แอนฟิลด์เมื่อมีแฟนบอลในสนามได้เลยตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2003 คืนนี้เหล่าเดอะ ค็อป คงสร้างบรรยากาศที่ทำให้งานของแมนฯซิตี้ ยากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่อทีมเยือนอยู่ในสภาพที่ขาดความมั่นใจและไร้ความดุดัน
แมนฯซิตี้ ในฤดูกาลนี้มีเกมรับที่ไม่เหนียวแน่นเหมือนเคย และไม่ใช่แค่จำนวนโอกาสที่พวกเขาปล่อยให้คู่แข่งสร้างขึ้น แต่ยังรวมถึงคุณภาพของโอกาสเหล่านั้นด้วย โดยมีเพียงอิปสวิช ทาวน์ 49 ครั้ง, เซาธ์แธมป์ตัน 44 ครั้ง , เลสเตอร์ ซิตี้ 44 ครั้ง และคริสตัล พาเลซ 38 ครั้ง เท่านั้นที่เผชิญกับโอกาสที่จะโดนทำประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้มากกว่าแมนฯซิตี้ 37 ครั้ง กล่าวง่ายๆคือ ทีมเรือใบสีฟ้า โอกาสจะเสียประตูสูงเป็นอันดับ 5 ของลีก ในขณะนี้อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่โรดรี้ได้รับบาดเจ็บในเกมพบอาร์เซน่อล เมื่อวันที่ 22 กันยายน ซิตี้กลายเป็นทีมที่เผชิญกับโอกาสทำประตูในพรีเมียร์ลีกมากที่สุด 30 ครั้งใน 7 เกม ซึ่งสวนทางกลับลิเวอร์พูล ที่เปิดโอกาสให้คู่แข่งมีโอกาสทำประตูและเปลี่ยนเป็นประตูต่ำที่สุดในพรีเมียร์ลีกเวลานี้
1 ในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทีมเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ ไม่ชนะใครเลยติดต่อกันเป็นเกมที่ 6 รวมทุกรายการ เกิดขึ้นเพราะปัญหานักเตะบาดเจ็บจำนวนมาก เช่นเดียวกับที่ทีมหงส์แดงเคยเจอในฤดูกาล 2020-21 แต่การอาจจะกลับมาของ รูเบน ดิอาซ น่าจะทำให้เกมรับของแมนฯซิตี้ ดีขึ้นและโอกาสแพ้ของพวกเขาน้อยลง เมื่อดูจากสถิติที่ทีมมีกับไม่มีรูเบน ดิอาซ ในพรีเมียร์ลีก ซิตี้ ลงสนามแบบมีรูเบน ดิอาซ 126 เกม ชนะ 96 เสมอ 19 แพ้ 11 เฉลี่ยเสียประตู 0.8 ลูกต่อเกม เปอร์เซนต์ชนะสูงถึง 76.2% เฉลี่ย 2.4 แต้มต่อเกม ในขณะที่ทีมไม่มีรูเบน ดิอาซ 36 เกม ชนะ 22 เสมอ 6 แพ้ 8 เสียประตูเฉลี่ย 1.1 ลูกต่อเกมเปอร์เซนต์ชนะลดลงเหลือ 61.1% เฉลี่ย 2 แต้มต่อเกม เชื่อกันว่าการกลับมายืนบัญชาการในเกมรับของรูเบน ดิอาซ น่าจะช่วยหยุดความร้อนแรงของทีมหงส์แดงได้
ในขณะนี้ ลิเวอร์พูล ดูเหมือนไม่มีจุดอ่อนมากนัก พวกเขาเสียเพียง 8 ประตูจาก 12 เกมในลีก และพ่ายแพ้เพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ ลิเวอร์พูลยังชนะถึง 17 จาก 19 เกมรวมทุกรายการภายใต้การคุมทีมของ อาร์เน่อ สล็อต กุนซือชาวดัตช์ หากจะมองหาจุดที่อาจเป็นความหวังสำหรับแมนฯซิตี้ บางทีอาจเป็นทางฝั่งซ้ายของลิเวอร์พูล เพราะแอนดี้ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายตัวเก่งไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีนัก และในสองเกมล่าสุด โรเบิร์ตสัน ก็ทำให้เสียจุดโทษทั้ง 2 เกม อาจทำให้แมนฯซิตี้ มองเห็นช่องโหว่ในการโจมตีฝั่งนี้ โดยเฉพาะพวกเขามี ซาวินโญ่ แนวรุกทีมชาติบราซิล ที่มีสถิติส่วนตัวดีมากๆ ในบรรดานักเตะที่ลงสนามในพรีเมียร์ลีกมากกว่า 500 นาทีในฤดูกาลนี้ ซาวินโญ่เป็นอันดับ 1 ในด้านการสร้างโอกาสจากโอเพ่นเพลย์ 2.7 ครั้งต่อ 90 นาที เป็นอันดับ 2 ในด้านค่า xA หรือแอสซิสต์คาดหวัง 0.44 ครั้งต่อ 90 นาที และอันดับ 3 ในด้านการเลี้ยงบอลสำเร็จ 3.4 ครั้งต่อ 90 นาที น่าจะเป็นความหวังของลูกทีม ของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในการโจมตีทำลายเกมรับของลิเวอร์พูล
เมื่อแมนฯซิตี้ เสีย โรดรี้ ที่บาดเจ็บและคาดว่าจะต้องพักทั้งฤดูกาล ซึ่งใน 10 เกมพรีเมียร์ลีกที่ไม่มี โรดรี้ ซิตี้ปล่อยให้คู่แข่งมีโอกาสยิง 17 ครั้งจากจังหวะโต้กลับเร็ว เมื่อเทียบกับ 10 เกมล่าสุดที่โรดรี้ลงสนาม ซิตี้ปล่อยให้คู่แข่งยิงเพียง 7 ครั้งจากจังหวะดังกล่าว และมีเพียง 3 ทีมอย่าง เวสต์แฮม, ไบรท์ตัน, คริสตัล พาเลซ เท่านั้น ที่ปล่อยให้คู่แข่งมีโอกาสยิงจากจังหวะโต้กลับมากกว่าแมนฯซิตี้ 14 ครั้ง และมีเพียงแอสตัน วิลล่าและไบรท์ตัน ทีมละ 4 ครั้ง ที่เสียประตูจากจังหวะโต้กลับมากกว่าทีมเรือใบสีฟ้าในฤดูกาลนี้ที่เสียไป 3 ครั้ง ปัญหานี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในเกมที่พวกเขาพ่ายแพ้ยับเยินต่อสเปอร์สเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และในวันอาทิตย์นี้ ลิเวอร์พูลอาจเป็นทีมที่เพิ่มปัญหานี้ให้กับซิตี้อีก โดยทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่มีโอกาสยิงจากจังหวะโต้กลับเร็วมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ 20 ครั้ง เปลี่ยนเป็น 5 ประตู เป็นอันดับ 2 รองจากสเปอร์สทีมเดียวที่ทำได้ 9 ประตู ดังนั้น ซิตี้จำเป็นต้องหาวิธีหยุดเกมโต้กลับของลิเวอร์พูลให้ได้ที่แอนฟิลด์
ที่มา : https://theanalyst.com/2024/11/liverpool-vs-man-city-five-key-areas-that-could-decide-the-game