ล่าสุด เปป พูดถึง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ หลังเกมแข่งขันสูงสุดของเมืองผู้ดีทีมของเขาเจอกับความกดดันอย่างหนัก เมื่อทีมเยือนสร้างความหนักใจให้ว่า การเตรียมความพร้อมของกุนซือชาวอาร์เจนไตน์กับการบุกมาเยือนทีมของเขาครั้งนี้ ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีและทำให้ทุกอย่างออกมาน่าสนใจ เมื่อสามารถแบ่งแต้มออกจากถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม สำเร็จ ก่อนทิ้งท้ายเพิ่มเติมว่าหลังจากนี้เขาพร้อมจะเดินหน้าทำผลงานยอดเยี่ยมต่อเนื่องให้ได้
สำหรับเกมที่ผ่านมากุนซือคนดังชาวสแปนิชยังคงเดินหน้าพา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงสนามแข่งขัน เพื่อดวลกับ เชลซี ซึ่งตอนนี้เป็นทีมที่กำลังเรียกความมั่นใจกลับมา ดังนั้นเกมนี้จึงเป็นเกมจึงเป็นเกมบิ๊กแมตช์อีกรายการหนึ่งทันที ท่ามกลางการลุ้นอย่างหนักว่า แมตช์ที่ผ่านมาทีมจะวางแผนรับมือกับการบุกมาเยือนของทีมดังจากกรุงลอนดอนอย่างไร แต่สุดท้ายกุนซือชาวสแปนิชสามารถสกัดความมั่นใจได้อยู่ดี หลังจากเสมอกับคู่แข่งได้สำเร็จ
สำหรับแมตช์นี้เรียกได้ว่าทั้ง 2 ทีมยิงกันสนุกเพราะสกอร์จบที่ 1-1 กันเลยทีเดียว แต่ในระหว่างเกมแข่งขันยังดำเนินการไปนั้น ทีมที่น่าห่วงมากที่สุดคือเจ้าบ้าน เพราะกว่าจะได้ประตูตีเสมอลุ้นกันจนถึงนาทีสุดท้ายของรายการแข่งขันทันที จากผลงานของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เด็กเก่าของ เรือใบสีฟ้า จากนั้นทางเจ้าบ้านไม่สามารถยอมแพ้เพราะนัดนี้จะต้องเก็บ 3 แต้มให้ได้เท่านั้น สำหรับลุ้นคว้าแชมป์ลีกต่อไป จนสุดท้ายในนาทีที่ 83 โรดรี สวมบทฮีโร่พาทีมตีเสมอคู่แข่งสำเร็จ
อย่างไรก็ตามหลังเกมแข่งขันที่เกิดขึ้น เห็นได้ชัดว่า กวาร์ดิโอลา ไม่ค่อยแฮปปี้ต่อผลงานที่เกิดขึ้นมากนัก และทำให้ทุกอย่างน่าเป็นห่วงไปโดยปริยาย แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้นคือหลังจากนี้เขาจะวางแผนการทำงานของทีมอย่างไร เพื่อวางพื้นฐานให้ทีมมีโอกาสชนะได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งงานนี้ถือว่าเป็นโจทย์สำคัญของกุนซือชาวสแปนิช โดยตรง เพราะสิ่งที่เขาคาดหวังมากที่สุดในตอนนี้คือ ต้องการพาทีมคว้าชัยชนะเหนือคู่แข่งต่อเนื่องให้ได้เท่านั้น
อย่างไรก็ตามล่าสุดทางด้านกุนซือคนดังพูดถึงเรื่องนี้ว่า “ผมดีใจนะที่เขามีความคิดเห็นอย่างนั้น และดีใจที่เขามองว่าการเสมอกับเราคือสิ่งที่ดีงาม แน่นอนว่าเกมที่ผ่านมาพวกเขาสามารถเอาชนะเราได้ด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาทำไม่ได้ แต่เกมนี้เราทุกคนต่างรู้ดีว่าเราต้องแก้ไขกันแบบไหน เพื่อยกระดับทีมไปสู่ความสำเร็จต่อเนื่อง”
อย่างไรก็ตามตอนนี้เชื่อกันว่าคำพูดของ เปป กวาร์ดิโอลา สามารถสร้างกระแสเกาเหลาของกุนซือคนคู่ใหม่ได้เหมือนกัน ซึ่งหลังจากนี้รอลุ้นกันต่อว่าทางด้าน โปเช็ตติโน่ จะออกมาตอบโต้หรือให้สัมภาษณ์เชิงเหน็บเขาหรือเปล่า
ที่มา: https://www.goal.com/en/lists/pep-guardiola-sarcastic-response-mauricio-pochettino-chelsea-man-city/blt62815c84a6ed8500#csf440f1642d113967
หลังจบเกมแข่งขันทางด้าน คอนอร์ คาราเกอร์ กองกลางชาวอังกฤษของ สิงห์บลู ออกมายกความดีความชอบว่าคนที่ทำให้ทีมมีโอกาสชนะนั่นก็คือ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ของทีม จากการแก้เกมจนสามารถทำให้ทีมมีโอกาสเก็บชัยชนะสำเร็จ พร้อมย้ำว่าชัยชนะที่เกิดขึ้นกำลังสร้างความมั่นใจให้กับทุกคนในถิ่นอย่างมาก แต่หลังจากนี้ต้องรอดูกันว่าแผนงานของทีมจะเป็นไปในรูปแบบไหน
ถึงแม้ว่าเกมที่ผ่านมาหลายคนยกให้ขุนพลของ เชลซี รายนี้เป็นฮีโร่พาทีมเก็บ 3 แต้มสำคัญสำเร็จ แต่สุดท้ายเจ้าตัวกลับมองว่าคนที่ทุกคนควรให้เครดิตคือกุนซือของทีมมากกว่า เนื่องจากว่าในช่วงครึ่งหลังกุนซือสายเลือดฟ้า-ขาวตัดสินใจเปลี่ยนแท็คติกทีมบางอย่าง และผลลัพธ์ที่ได้คือประสบความสำเร็จในระดับที่ทุกคนคาดหวัง เนื่องจากชัยชนะที่เกิดขึ้นนับว่าเป็นสัญญาณที่ดีของทีมไปโดยปริยาย
เกมที่ผ่านมาทางด้าน สิงโตน้ำเงิน คล้ายมีคิวดวลกับ คริสตัล พาเลซ ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ท่ามกลางความตื่นเต้นของแฟน ๆ ทุกคนอย่ามาก เนื่องจากเกมนี้แฟนบอลของ สิงห์บลู ต้องการเห็นชัยชนะเป็นทางการของทีมอีกครั้ง หลังจากเกมก่อนหน้านี้เคยสร้างผลงานโดดเด่นมาแล้วครั้งหนึ่ง และผลที่ได้คือแฟนบอลทุกคนยิ้มแป้นเนื่องจากทีมรักเก็บชัยชนะได้ตามเป้าจริง ๆ
อย่างไรก็ตามแม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะเก็บชัยชนะได้ตามเป้า แต่สถานการณ์โดยรวมของทีมตอนนี้ยังไม่น่าไว้วางใจเท่าไหร่ เนื่องจากว่า สิงห์บลู ยังคงรั้งตำแหน่งกลางตารางคะแนน โดยมีแต้มในมืออยู่ที่ 34 แต้ม ซึ่งห่างจากทีมที่มีลุ้นไปทัวร์ยุโรปอย่างรายการ ยูโรป้า ลีก มากถึง 7 แต้มด้วยกัน ทำให้พวกเขาต้องพยายามมากกว่านี้หากต้องการเป็น 1 ใน 6 ทีมที่มีลุ้นไปเล่นในเวทียุโรปเป็นทางการ
ล่าสุดทางด้านมิดฟิลด์คนดังเปิดเผยว่า “เกมที่ผ่านมาเราต้องยกความดีความชอบให้ โปเช็ตติโน่ เพราะเขาเป็นคนวางแผน จนทำให้ทีมของเรามีโอกาสชนะสูงขึ้น แน่นอนว่าชัยชนะที่เกิดขึ้นถึงแม้ว่าไม่ขาด แต่ทำให้เราทุกคนมีความมั่นใจมากขึ้น ส่วนหลังจากนี้เราตั้งใจจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด โดยมีเป้าหมายชัดเจนนั่นก็คือเราต้องเก็บชัยชนะทุกนัดที่เหลือให้ได้”
โดยหลังจากนี้ต้องรอดูกันว่าทางบ้าน คาร์ราเกอร์ สามารถพาทีมคว้าชัยชนะเกมที่เหลือต่อได้หรือไม่ เพราะนัดต่อไปถือว่าเป็นงานหนักของพวกเขาอย่างมาก เมื่อต้องลงเล่นโดยต้องเจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรที่กำลังลุ้น ตำแหน่งจ่าฝูง และมีแนวโน้มว่าจะป้องกันแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้อีกครั้งอีกด้วย
ที่มา: https://www.goal.com/en/lists/conor-gallagher-mauricio-pochettino-chelsea-crystal-palace-comeback/bltd948f530169a451f#cs2521d493e76e45f0
ข่าวคราวความคืบหน้าต่อแผนการดึงตัว เปาโล ดิบาล่า กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์เข้ามาเสริมทัพของ เชลซี กลายเป็นประเด็นน่าสนใจสุด ๆ เมื่อสื่อหลายสำนักในอังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ผู้บริหารของทีมตัดสินใจชะงักดีลนี้เอาไว้ก่อน จนกว่าจะได้ความมั่นใจว่าการดึงตัวเขาเข้ามาเติมคมจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา หลังเจ้าตัวมีปัญหาบาดเจ็บรบกวนและตอนนี้ยังไม่ชัวร์ว่าจะรุนแรงแค่ไหน
ย้อนกลับไปไม่นานมานี้สื่อยกว่าเขาคือตัวเต็งมีลุ้นร่วมงานกับทีมดังในกรุงลอนดอน หลังจาก เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ผู้จัดการทีมสายเลือดฟ้า-ขาว คนบ้านเดียวกันกับเขาต่างชื่นชอบและมองว่าหากได้เขาเข้าร่วมทีมสิ่งที่จะตามมาคือ ทีมจะมีเกมรุกดุดันมากยิ่งขึ้น และทำให้การวางแผนลุยศึกต่าง ๆ เป็นเรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไล่ล่า 3 แต้มในเวทีแข่งขันลีกสูงสุดของอังกฤษที่กำลังขับเคี่ยวอย่างหนักในเวลานี้
โดยตอนนี้สื่อยืนยันว่าทางด้านทีมดังในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กำลังจับตาดูอาการบาดเจ็บของเขาอย่างต่อเนื่อง ทันทีที่มีประกาศยืนยันว่าเขามีปัญหาบาดเจ็บเล่นงานอีกคำรบ ส่งผลให้เส้นทางการย้ายทีมของเขาในอนาคตอาจจะเต็มไปด้วยความยุ่งยากมากขึ้น เพราะเวลานี้ทางด้าน สิงห์บลู คงไม่คิดจะทุ่มเงินไปกับการซื้อนักเตะเข้ามาเพื่อดูแลรักษาและส่งไปพักในโรงหมอเล่น ๆ แน่นอน
นอกจากนั้นปัญหาบาดเจ็บที่เกิดขึ้นยังส่งผลกระทบต่อ อาแอส โรม่า โดยตรงเช่นกัน เมื่อสื่อยกว่าตอนนี้กำลังทำให้ เดอะ สเปเชียล วัน หนักใจมากที่สุด เพราะยังไม่ชัวร์ว่าแผนการทำงานของทีมจะเป็นไปตามที่ทุกคนคาดหวังหรือเปล่า เมื่อไร้เงาของนักเตะหลักของทีมไป 1 คน ในขณะที่แผนงานซื้อ-ขายเขาเบื้องต้นแว่วว่าจะเกิดขึ้นช่วงกลางเดือนมกราคมนี้
อย่างไรก็ตามตอนนี้มีข่าวออกมาว่าหากสุดท้ายแล้ว พอร์ช ไม่สามารถรับกับปัญหาบาดเจ็บของแข้งเป้าหมายได้จริง ๆ เขายังมีแผนสำรองเพื่อรองรับแผนการดึงตัวนักเตะใหม่เข้ามาเติมแกร่งไว้แล้วเช่นกัน โดยคาดว่าน่าจะหันไปให้ความสนใจ อีวาน โทนี่ย์, วิคเตอร์ โอซิมเฮน และ อีวาน เฟอร์กูสัน แทน
โดยปัญหาหลักตอนนี้ที่ทำให้ทางด้าน โปเช็ตติโน่ คิดหนักถึงดีล ดิบาล่า คืออาการบาดเจ็บของเขาที่ยังคงรุมเร้าไม่ขาดสาย ส่งผลให้ตอนนี้ทางผู้จัดการทีม สิงห์บลู กำลังพิจารณาว่าหากตัดสินใจดึงเข้าเสริมทัพ จะคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปโดยเปล่า หลังเจ้าตัวมีปัญหาบาดเจ็บที่ขาหนีบ, เอ็นต่าง ๆ และล่าสุดคือเอ็นร้อยหวายแบบไม่พัก
อาร์เจนไตน์มองว่าเขามีคุณสมบัติผู้นำสูง และเชื่อว่าเขาเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าทีมกำลังต้องการอะไรมากที่สุด อีกทั้งเขาน่าจะเข้าใจหลักการทำงานของทุกคนในทีมดี ถึงแม้ตอนนี้เขายังอยู่ในช่วงแข้งดาวรุ่งก็ตาม ซึ่งหลังจากนี้ต้องลุ้นกันว่ากัปตันทีมคนใหม่จะทำหน้าที่ได้ดีแค่ไหน กับการเดินหน้าทำผลงานยอดเยี่ยมในสนามแข่งขัน
JBO News อัพเดตข่าวสาร วงการกีฬา,อีสปอร์ต จากทั่วโลกที่นี่ที่เดียว
การตัดสินใจของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ครั้งนี้ กับการเลือกแนวรับวัย 23 ปี รับบทบาทกัปตันทีมมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน แต่ทุกคนที่ร่วมประชุมถือว่ายืนยันให้เขาเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดในตำแหน่งดังกล่าว หลังจากทำงานร่วมกับทีมมานาน และหลายครั้งเขามีผลงานน่าประทับใจในสนามแข่งขัน ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เกิดประเด็นร้อนมากมายตามมาทันที
การเริ่มต้นหากัปตันทีมคนใหม่ครั้งนี้มีที่มาจาก เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า แนวรับชาวสแปนิชตัดสินใจย้ายออกจากทีมเป็นทางการ ซึ่งล่าสุดตัดสินใจโยกย้ายไปเล่นกับ แอตเลติโก มาดริด ทีมดังในบ้านเกิด หลังจากสิ้นสุดสัญญากับทีมโดยไม่มีแผนจะต่อสัญญาเพิ่มเติมออกไป จากนั้นทางด้าน พอร์ช ผู้จัดการทีมคนใหม่ตัดสินใจพุ่งเป้ามาที่เด็กปั้นของทีมทันที เพราะเชื่อว่าบุคลิกของเขาเหมาะกับการรับบทบาทกัปตันทีมสุด ๆ
เส้นทางการทำงานของแนวรับรายนี้คือเขาเติบโตมาจากแคมป์ สิงห์บลู มาตั้งแต่อายุ 6 ขวบ จากนั้นค่อย ๆ พัฒนาฝีเท้าต่อเนื่องจนกระทั่งก้าวสู่ทีมชุดใหญ่เป็นทางการ ซึ่งปัจจุบันนับว่าเป็นอีกหนึ่งคนสำคัญของทีมในความสำเร็จมากมายหลายซีซั่นที่ผ่านมา ภายใต้การคุมทีมของกุนซือคนดังมากมายไม่ว่าจะเป็น แฟรงค์ แลมพาร์ด, โธมัส ทูเคิล ส่วนหลังจากนี้รอลุ้นว่าเขาสามารถสร้างผลงานยอดเยี่ยมเหมือนที่ทุกคนคาดหวังหรือเปล่า
ทั้งนี้ทางด้านแม่ทัพใหญ่ชาวอาร์เจนไตน์เปิดเผยว่า “เราตัดสินใจเลือกเขาเพราะเขามีจุดเด่นมากมายหลายอย่างในตัว นั่นก็คือเหตุผลหลักของการทำงานมากมายที่ทำให้ผมกับทุกคนในทีมเลือกเขา ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติ ความทุ่มเทเพื่อทีมตลอดเวลาที่ร่วมงานกันมา เขาทำให้ผมเห็นชัดเจนมากกว่าคนอื่น ๆ ในทีมเสมอ ซึ่งผมเชื่อว่าเขาจะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายออกมายอดเยี่ยมต่อเนื่องแน่นอน”
ทั้งนี้แม้ว่าเส้นทางการทำงานของ เจมส์ ในอดีตจะน่าประทับใจมาโดยตลอด แต่หลังจากนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือ วางตัวให้เป็นผู้นำมากขึ้น รวมถึงทำให้การทำงานของทีมราบรื่นไปด้วยดี โดยไม่มีปัญหาใด ๆ ตามมาในภายหลัง และพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็นว่าเขาเป็นคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งมากที่สุดแล้วจริง ๆ